Switch 2- Dragon Ball Sparking! ZERO - Standard Edition *Pre-Order 13/11/25

Pre-Order ได้แล้ววันนี้
สั่งจองได้ที่ m.me/happyconsole
วางจำหน่าย 13 พฤศจิกายน 2025

เปิดตำนานบทใหม่: Dragon Ball: Sparking! ZERO บน Nintendo Switch 2 กับการกลับมาของเกมต่อสู้ในตำนาน

สำหรับแฟน ๆ เกมต่อสู้และสาวก Dragon Ball ทั่วโลก การกลับมาของซีรีส์ Budokai Tenkaichi ในชื่อใหม่ว่า Dragon Ball: Sparking! ZERO ถือเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความตื่นเต้นอย่างที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นบนแพลตฟอร์มพกพาอย่าง Nintendo Switch และเครื่องรุ่นใหม่ Switch 2 ที่กำลังจะวางจำหน่ายในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 นี้ บทความนี้จะเจาะลึกถึงจุดเด่นและข้อมูลอัปเดตล่าสุดของเกมที่จะทำให้คุณต้องร้องว้าว

1. เกมเพลย์ที่คุ้นเคยในกราฟิกระดับ Next-Gen

หัวใจหลักของ Dragon Ball: Sparking! ZERO คือการนำเอาเสน่ห์ของเกมเพลย์แบบ Budokai Tenkaichi มาพัฒนาต่อยอดให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ผู้เล่นจะได้สัมผัสประสบการณ์การต่อสู้ 3 มิติความเร็วสูงที่ดุดัน การพุ่งเข้าโจมตี การใช้ท่าไม้ตายพลังทำลายล้างสูง และการสลับมุมกล้องที่สร้างความตื่นเต้นอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือกราฟิกที่ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วย Unreal Engine 5 ตัวละครแต่ละตัวถูกสร้างขึ้นมาอย่างละเอียดอ่อนราวกับหลุดออกมาจากอนิเมะ ฉากการต่อสู้ที่กว้างใหญ่สามารถถูกทำลายได้อย่างสมจริงเมื่อโดนการโจมตีอันรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นก้อนหินที่แตกกระจาย ภูเขาที่พังทลาย หรือแม้แต่ตึกรามบ้านช่องที่โดนระเบิดพลังงานเข้าอย่างจัง ทั้งหมดนี้จะทำให้การต่อสู้ของคุณยิ่งใหญ่และสมจริงกว่าที่เคย

2. ตัวละครมหาศาลที่สุดในประวัติศาสตร์ Dragon Ball

หนึ่งในจุดเด่นที่แฟน ๆ ต่างเฝ้ารอคือจำนวนตัวละครที่อัดแน่นเต็มเกม Dragon Ball: Sparking! ZERO มีตัวละครให้เลือกเล่นมากถึง 180 ตัว ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์เกม Dragon Ball! ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนคลับของตัวละครจากภาค Dragon Ball Z, Dragon Ball Super, Dragon Ball GT หรือแม้แต่ตัวละครจากภาพยนตร์และเนื้อหาใหม่ล่าสุดอย่าง Dragon Ball DAIMA ก็มีให้เลือกเล่นอย่างครบถ้วน

นอกจากนี้ แต่ละตัวละครยังมี "รูปแบบ" หรือ "ร่าง" ที่หลากหลาย ทำให้คุณสามารถเลือกเล่น Goku ในร่าง Super Saiyan 4 หรือ Gohan ในร่าง Beast ได้อย่างอิสระ ซึ่งจะช่วยให้การวางแผนกลยุทธ์การต่อสู้มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น

3. โหมดเกมที่หลากหลายเพื่อการเล่นที่ไม่มีเบื่อ

เกมไม่ได้มีแค่โหมดต่อสู้ทั่วไป แต่ยังมีโหมดเกมที่น่าสนใจอีกมากมาย:

• Episode Battle: โหมดเนื้อเรื่องที่จะพาคุณย้อนรอยการต่อสู้อันเป็นตำนานของตัวละครเอกอย่าง Goku และ Vegeta แต่ที่น่าสนใจคือเกมได้เพิ่ม "ทางเลือก" ที่ผู้เล่นสามารถเลือกการตัดสินใจที่แตกต่างไปจากในอนิเมะได้ ทำให้เกิดสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่น่าติดตาม

• Custom Battle: โหมดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับนักสร้างสรรค์โดยเฉพาะ คุณสามารถสร้างสถานการณ์การต่อสู้ในฝันของคุณเอง กำหนดเงื่อนไขการชนะ แพ้ และแบ่งปันให้เพื่อน ๆ หรือผู้เล่นทั่วโลกได้ลองเล่น

• โหมด Versus: สำหรับการปะทะกันแบบผู้เล่นหลายคน คุณสามารถเลือกที่จะต่อสู้แบบออนไลน์กับผู้เล่นจากทั่วโลก หรือจะสนุกกับเพื่อน ๆ ด้วยการเล่นแบบแบ่งหน้าจอ (Local Split-Screen) ก็ได้เช่นกัน

4. ประสิทธิภาพและการรองรับบน Nintendo Switch 2

แม้จะมีความท้าทายด้านฮาร์ดแวร์เมื่อเทียบกับเครื่องคอนโซลอื่น ๆ แต่ Dragon Ball: Sparking! ZERO บน Nintendo Switch 2 ก็ยังมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ด้วยการใช้ประสิทธิภาพของเครื่องรุ่นใหม่ ทำให้ตัวเกมสามารถรันได้ที่ 30fps อย่างเสถียรในโหมด Dock และรองรับการแสดงผลแบบ HDR เพื่อสีสันที่สดใสยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นอาจต้องทำใจว่าความละเอียดของภาพจะอยู่ที่ประมาณ 810p ซึ่งอาจจะไม่คมชัดเท่ากับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่รองรับความละเอียด 4K แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจสำหรับเครื่องพกพา

นอกจากนี้ สิ่งที่น่าจับตามองคือการนำ Motion Control เข้ามาใช้ ผู้เล่นสามารถใช้ Joy-Con ในการปล่อยท่าไม้ตายต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การเล่นเกมนี้บน Nintendo Switch มีความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร

คุ้มค่ากับการรอคอย

Dragon Ball: Sparking! ZERO คือการกลับมาที่ยิ่งใหญ่และสมศักดิ์ศรีของซีรีส์ Budokai Tenkaichi การผสมผสานระหว่างเกมเพลย์ที่คุ้นเคย กราฟิกระดับสูง และเนื้อหาที่อัดแน่น ทำให้เกมนี้เป็นหนึ่งในเกมต่อสู้ที่น่าจับตามองที่สุดแห่งปี 2025 สำหรับแฟน ๆ บน Nintendo Switch และ Switch 2 ที่กำลังรอคอยเกมนี้อยู่ การรอคอยจะสิ้นสุดในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 อย่างแน่นอน!

สำหรับท่านที่สนใจสามารถจับจองได้ที่ Happyconsole! ✅