Ninja Gaiden: Ragebound การกลับมาที่สมบูรณ์แบบสู่รากเหง้าแห่งนินจา

การกลับมาของซีรีส์ Ninja Gaiden บนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch และเครื่องเกมอื่นๆ ด้วยชื่อ Ninja Gaiden: Ragebound ไม่ใช่เพียงแค่การนำเอาชื่อเก่ามาปัดฝุ่นใหม่ แต่เป็นการคารวะและฟื้นคืนจิตวิญญาณของนินจาในรูปแบบที่แฟนๆ โหยหามานานหลายปี เกมนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าการกลับไปสู่รากเหง้าของเกมแอ็กชัน 2D ที่เน้นความท้าทายอย่างแท้จริงนั้นยังคงมีมนต์ขลังเสมอ

1. การเปลี่ยนผ่านสู่มิติใหม่: จาก 3D สู่ 2D

หลายคนอาจคุ้นเคยกับ Ryu Hayabusa ในโลก 3D ที่กระโดดโลดเต้นและฟันดาบแบบอิสระในมุมมองบุคคลที่สาม แต่ Ragebound เลือกที่จะย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของซีรีส์บนเครื่อง Famicom/NES ที่เคยสร้างชื่อเสียงในฐานะเกมแพลตฟอร์มที่ยากและสนุกที่สุด การตัดสินใจนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ยังเปิดโอกาสให้ทีมพัฒนาอย่าง The Game Kitchen ได้นำเสนอศิลปะแบบพิกเซลอาร์ตที่เต็มไปด้วยรายละเอียดได้อย่างเต็มที่

ทุกฉากในเกมถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ทั้งฉากหลังที่ดูมีชีวิตชีวา ตัวละครที่เคลื่อนไหวได้อย่างลื่นไหล และเอฟเฟกต์การโจมตีที่ทรงพลัง งานภาพที่ดูเหมือนย้อนยุคแต่มีคุณภาพทันสมัยนี้คือหนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้ Ragebound โดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจน

2. เกมเพลย์ที่รวดเร็วและท้าทาย: จิตวิญญาณแห่งนินจา

หัวใจหลักของ Ninja Gaiden คือการควบคุมที่เฉียบคมและการต่อสู้ที่รวดเร็ว Ragebound ไม่ทำให้ผิดหวังในจุดนี้ ระบบการโจมตี การกระโดด การปาดาวกระจาย และการใช้เวทนินจาสามารถทำได้อย่างลื่นไหลและตอบสนองได้ทันใจ ผู้เล่นต้องใช้ทักษะทั้งหมดที่มีเพื่อเอาชีวิตรอดจากศัตรูที่ดาหน้าเข้ามาไม่ขาดสาย

นอกจากนี้ เกมยังเพิ่มมิติใหม่ด้วยระบบ "Ninja Fusion" ที่ให้ผู้เล่นสามารถสลับตัวละครระหว่าง Kenji Mozu และ Kumori ได้อย่างรวดเร็วเพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถที่แตกต่างกันของพวกเขา Kenji เน้นการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็ว ในขณะที่ Kumori มีความคล่องตัวสูงและสามารถโจมตีศัตรูจากระยะไกลได้ การผสมผสานการเล่นของทั้งสองตัวละครนี้เป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะอุปสรรคที่ยากขึ้นเรื่อยๆ

3. เนื้อเรื่องที่สานต่อมรดก: การผจญภัยครั้งใหม่ของนักรบนินจา

แม้ว่า Ryu Hayabusa จะไม่ได้เป็นตัวเอกหลักในภาคนี้ แต่เรื่องราวของ Ragebound ยังคงเชื่อมโยงกับโลกของเขาอย่างลึกซึ้ง ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Kenji Mozu ลูกศิษย์ของ Ryu ที่ต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเพื่อปกป้องหมู่บ้าน Hayabusa จากภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้น การปรากฏตัวของ Kumori จากตระกูล Black Spider ยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับเนื้อเรื่องด้วยการสร้างพันธมิตรที่ไม่คาดคิด

เรื่องราวในเกมนี้ไม่ได้ถูกนำเสนอแค่ในฉากคัตซีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบทสนทนาและฉากต่างๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้า ทำให้ผู้เล่นได้รู้จักกับตัวละครใหม่ๆ และเข้าใจถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างตระกูลนินจาทั้งสอง

4. เกมที่คุ้มค่าสำหรับแฟนๆ และนักเล่นหน้าใหม่

Ninja Gaiden: Ragebound คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการนำซีรีส์เกมคลาสสิกกลับมาสร้างใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม มันไม่ใช่แค่การขายความทรงจำ แต่เป็นการมอบประสบการณ์การเล่นที่สดใหม่และท้าทายในแบบที่ควรจะเป็น สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของซีรีส์นี้ เกมนี้จะทำให้คุณหวนนึกถึงความรู้สึกในวัยเด็กที่เคยท้าทายกับเกมที่ยากที่สุดในยุคนั้น ในขณะเดียวกันสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ เกมนี้ก็เป็นประตูบานแรกที่ยอดเยี่ยมในการทำความรู้จักกับโลกแห่งนินจาและบททดสอบที่โหดหินได้อย่างลงตัว

ด้วยระบบการเล่นที่รวดเร็ว งานภาพที่สวยงาม และความท้าทายที่ยุติธรรม Ninja Gaiden: Ragebound จึงเป็นหนึ่งในเกมแอ็กชัน 2D ที่ดีที่สุดแห่งปีอย่างไม่ต้องสงสัย

ท่านสามารถหาซื้อได้ที่ร้าน Happyconsole! ✅