การเปรียบเทียบครั้งนี้ จะทำการเปรียบเทียบ VR Standalone ทั้ง 4 รุ่นด้วยกันคือ “Meta Quest 2 VS Pico 4 VS Meta Quest Pro และ Meta Quest 3”
เครื่องรุ่นต่างๆที่จะทำการเปรียบเทียบในครั้งนี้ถูกวางจำหน่ายแบ่งเป็น 3 ปี คือ Quest 2 ในปี 2563, Pico 4 และ Quest Pro ในปี 2565 และตัวล่าสุด Quest 3 ที่เพิ่งจำหน่ายเดือนที่แล้ว ปี 2566

สเปคของเครื่อง
อุปกรณ์ทั้ง 4 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android โดยมีการใช้ Chipset จาก Qualcomm ทั้งหมดแต่จะแตกต่างกัน คือ Quest 2 และ Pico 4 ใช้ Snapdragon XR2 ส่วน Quest Pro ใช้ Snapdragon XR2+ สำหรับ Quest 3 ใช้ตัวใหม่ล่าสุดที่เป็นดีลพิเศษกับ Qualcomm คือ Snapdragon XR Gen 2 ซึ่งนอกจาก CPU ของ Quest 3 ที่จะแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว GPU ก็เป็นรุ่นที่แรงขึ้นคือ Adreno 740 ในขณะที่ 3 รุ่นนั้นเป็น Adreno 650 สำหรับหน่วยความจำ ต้องยกให้กับ Quest Pro ที่ใส่มามากถึง 12 GB ในขณะที่ Pico 4 และ Quest 3 มีรองลงมาที่ 8 GB และ Quest 2 มีน้อยสุดเพียง 6 GB

จอภาพและการแสดงผล
มาเริ่มกันที่เลนส์ มีเพียง Quest 2 เท่านั้นที่ใช้เลนส์ Fresnal ซึ่งเป็นเลนส์ที่ใช้กันมานานในอุปกรณ์ VR ช่วงสิบปีที่ผ่านมา สำหรับ 3 รุ่นหลังเปลี่ยนมาใช้เลนส์แบบ Pancake ซึ่งเป็นมาตรฐานของเลนส์ VR ในยุคนี้ ความละเอียดของภาพที่ได้จาก Pico 4 และ Quest 3 ก็สูงขึ้นไปอีกระดับ เพราะมีความละเอียด (Resolution) ที่สูงกว่า Quest 2 และ Quest Pro สำหรับพื้นที่การมองเห็น (FOV) การมองเห็นในแนวนอน Quest 3 ทำได้ดีสุด แต่การมองเห็นในแนวตั้งต้องยกให้ Pico 4 เรื่อง Refresh Rate ใน Quest 2 และ Quest 3 สามารถทำงานได้สูงถึง 120 Hz ซึ่งทำให้การใช้งานใน VR สบายตามากขึ้นและด้วยความที่ Quest 3 มีค่าความหนาแน่นของพิกเซลในจุดที่สูงสุด สูงถึง 25 PPD ทำให้ภาพและตัวอักษรต่าง ๆ มีความคมชััดเป็นอย่างมาก

เพื่อให้อุปกรณ์รองรับผู้ใช้งานได้หลากหลาย การปรับระยะห่างระหว่างดวงตา จากเดิมที่เคยมีข้อจำกัดใน Quest 2 ที่ปรับได้เพียงแค่ 3 ระดับ แต่ใน Pico 4, Quest Pro และ Quest 3 ไม่ได้ถูกจำกัดอีกต่อไป สามารถปรับได้ที่ละสเต๊ปปรับเปลี่ยนได้ตรงกับแต่ละผู้ใช้งานมากขึ้น นอกจากนั้นใน Quest Pro และ Quest 3 ยังถูกออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใส่แว่นตา ไม่ว่าจะเป็นแว่นสายตาหรือแว่นกรองแสงสีฟ้าก็สามารถใส่ระหว่างใช้งาน VR ได้
ความสามารถด้าน Passthrough ซึ่งทำให้เห็นพื้นที่การใช้งานจริงระหว่างใช้งาน VR ได้ด้วย จนเกิดเป็นการใช้งานในรูปแบบที่เป็น XR และ MR เพิ่มเข้ามา มีเพียง Quest 2 ที่ให้ภาพเป็นสีเทา แต่อีก 3 รุ่นที่เหลือสามารถมองเห็นเป็นภาพสี

ระบบเสียง
ระบบเสียงรอบทิศทางที่ทำให้เกิดความ Immersive ในการใช้งาน ทั้ง 4 รุ่นทำงานได้ดี โดยใน Quest 3 ได้มีการปรับปรุงตำแหน่งของลำโพง ให้มาใกล้บริเวณหูมากขึ้นทำให้เสียงที่ได้ดังชัดเจนมาก แก้ไขปัญหาของ VR รุ่นก่อน ๆ ที่ลำโพงอยู่เฉพาะบริเวณด้านหน้า ทำให้เสียงที่ได้ค่อนข้างเบาจนหลาย ๆ คนถึงกับต้องหาหูฟังมาต่อเพื่อให้ได้เสียงที่ดังในระดับที่พอใจ ในส่วนของการเชื่อมต่อกับหูฟัง สำหรับ VR ของ Meta ทั้ง 3 รุ่นยังมีช่องสำหรับเสียบหูฟัง 3.5 อยู่ แต่ Pico 4 ไม่มีพอร์ตดังกล่าว หากจะเชื่อมต่อหูฟังจะเชื่อมต่อได้กับหูฟังที่เป็นบลูทูธ
ความสามารถในการติดตามการเคลื่อนไหว
อุปกรณ์ทั้ง 4 รุ่นทำงานแบบ 6 Degree of Freedom Inside Out คือตรวจจับการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ด้วยเซ็นเซอร์ภายใน ไม่ต้องมีการติดตั้งกล้องภายนอกเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหว โดยอุปกรณ์ทั้ง 4 สามารถใช้งานร่วมกับจอยคอนโทรลเลอร์หรือจะสั่งการด้วยมือ ด้วยนิ้วด้วยฟังก์ชัน Hand Tracking ในแอพในเกมที่รองรับก็ได้ แต่ด้วยความที่ Quest Pro ออกแบบมาสำหรับกลุ่มผู้ทำงาน ซึ่งต้องมีการแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าท่าทางประกอบการติดต่อสื่อสาร Quest Pro จึงมีการใส่ความสามารถในการติดตามดวงตา Eye Tracking และการติดตามใบหน้า Face Tracking เข้ามาด้วย

จอยคอลโทรลเลอร์
จอยของ VR ทั้ง 4 มีฟังก์ชั่น Haptic Feedback เพื่อส่งผ่านประสบการณ์ในโลกเสมือนออกมาทางการสั่นของตัวจอย โดยมีข้อแตกต่างปลีกย่อยของแต่ละรุ่น เช่นจอยของ Pico 4 ใช้ถ่าน 2 ก้อน ทำให้ใช้งานได้นาน การสั่นจะแรงกว่าจอยของ Meta ที่ใช้ถ่านแค่ 1 ก้อน จอยของ Quest Pro ที่มีการติดตั้งชิพประมวลผลเข้าไปในตัวเพื่อให้จอยทำงานได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมได้หลายรูปแบบการใช้งาน และนอกจากนั้นปลายด้ามจอยของ Quest Pro และ Quest 3 ก็สามารถเอามาใช้เป็นปากกาเขียนลงในไวท์บอร์ดในโลกเสมือนได้

น้ำหนัก
อีกจุดที่เป็นจุดสำคัญของอุปกรณ์ VR คือน้ำหนัก ซึ่ง Pico 4 นั้นไม่ได้มีดีแค่น้ำหนักที่เบาที่สุดในการเปรียบเทียบนี้ แต่ยังมีการออกแบบการวางตำแหน่งแบตเตอรี่ไว้ที่ด้านหลังซึ่งเป็นการเพิ่มความสมดุลย์ในการใช้งานได้เป็นอย่างดี

การเชื่อมต่อ
อุปกรณ์ทั้ง 4 รุ่น ถูกออกแบบมาให้เป็น Standalone VR แต่การจะใช้งานให้ได้อย่างคุ้มค่า การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมจาก SteamVR หรือจะส่งไฟล์ระหว่างกันก็สามารถทำได้อย่างสะดวก โดยสามารถเชื่อมต่อผ่านสายสัญญาณที่เป็น USB Type-C หรือเชื่อมต่อผ่าน Wireless ทั้ง 4 รุ่นก็รองรับถึงมาตรฐาน Wifi 6 หรือหากจะเชื่อมต่อจอย Playstation, XBOX ก็สามารถเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้เช่นกัน
ระยะเวลาการใช้งาน
ทั้ง 4 รุ่น มีระยะเวลาการใช้งานใกล้เคียงกันประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง ขึ้นอยู่กับโปรแกรมและรูปแบบการใช้งาน

จุดเด่นของแต่ละรุ่น
Quest 2 ราคาถูกสุด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเข้าสู่โลกของ VR มีเกมให้เล่นเยอะ
Pico 4 ราคาถูก น้ำหนักเบา มี Content ที่ออกแบบมาเพื่อ VR ให้ดูเยอะรวมถึงการดู Tiktok ใน VR
Quest Pro มี Eye Tracking และ Face Tracking ทำให้สามารถสื่ออารมณ์ทางใบหน้าผ่านอวตารได้
Quest 3 รุ่นใหม่ล่าสุด ประสิทธิภาพสูง ให้ภาพที่คมชัดใช้งานได้อย่างลื่นไหลในทุกการใช้งาน รองรับการเล่นเกมทั้งเก่าและใหม่ มีเกมที่เป็น Mixed Realtiy รองรับพอสมควร รวมถึงมี Depth Sensor ที่จะมีการนำไปประยุกต์ใช้มากขึ้นในอนาคต
จุดด้อยของแต่ละรุ่น
Quest 2 มีอายุ 3 ปีแล้ว ชิพเซ็ตเป็นรุ่นเก่า โหมด Passthrough เป็นสีเทา
Pico 4 มีเกม Exclusive ประจำเครื่องน้อยมาก ฟังก์ชัน Hand Tracking ยังทำงานไม่ดีเท่ากับของ Meta
Quest Pro ราคาสูงและไม่ประสบความสำเร็จในยอดขาย อาจจะมีการอายุใช้งานสั้นกว่ารุ่นอื่น ๆ
Quest 3 สายคาดหัวที่มาด้วยกับตัวเครื่อง ใช้งานยากและใช้งานได้ไม่ดี

สรุป
อุปกรณ์จาก Meta ทั้ง 3 รุ่นนั้นมีการพัฒนาซอฟแวร์อย่างต่อเนื่อง มีการอัพเดทเพื่อปรับปรุงและเสริมความสามารถใหม่ ๆ อยู่เป็นประจำ การสั่งการควบคุมด้วย Hand Tracking ก็ทำงานได้ดีเป็นระดับต้นในวงการ การใช้งานเพื่อเล่นเกมมีเกม Exclusive ที่เล่นได้เฉพาะอุปกรณ์จาก Meta เยอะ ถึงจะออกรุ่นใหม่ ๆ ก็ยังเล่นกับเกมเก่าได้ ดังนั้นสำหรับอุปกรณ์ของ Meta แล้ว Quest 2 จะเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเข้าสู่วงการ เพราะมีราคาที่ถูก Quest Pro เหมาะสำหรับการใช้งานของกลุ่มผู้ทำงานหรือกลุ่มผู้ใช้แอพที่เน้นการแสดงอารมณ์ของหน้าตาผ่านตัวอวตาร เช่น VR Chat
สำหรับ Quest 3 เหมาะกับผู้ที่ต้องการได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมทั้งในแบบ VR และแบบ Mixed Reality รองรับการใช้งานอย่างครอบคลุมทั้งการเล่นเกม การทำงาน การออกกำลังหรือการดูภาพยนต์โดยสามารถทำงานได้ในตัวเองแบบ Standalone VR ไม่ต้องพึ่งพาคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลอีกต่อไป สำหรับ Pico 4 เหมาะกับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการเล่นเกมใน PCVR หรือดูหนังหรือใช้งานในอุปกรณ์ VR ที่มีน้ำหนักเบารู้สึกสบายระหว่างการใช้งาน
รุ่นและราคาจำหน่าย
Quest 2 รุ่น 128 GB ราคา 299$ US (12,000 บาท)
Quest 2 รุ่น 256 GB ราคา 349$ US (14,000 บาท)
Quest 3 รุ่น 128 GB ราคา 499$ US (19,500 บาท)
Quest 3 รุ่น 512 GB ราคา 649$ US (25,000 บาท)
Quest Pro ราคา 999$ US (39,000 บาท)
Pico 4 รุ่น 128 GB ราคา 349$ US (13,500 บาท)
Pico 4 รุ่น 256 GB ราคา 500$ US (16,500 บาท)
“หากท่านต้องการเป็นเจ้าของ VR Headset เท่ๆ ด้วยเทคโนโลยี VR / AR / MR สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ Happyconsole ทุกสาขา!”
บทความโดย Palmer (พาลเมอร์)
สำหรับท่านที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่
อินบ็อกซ์เพจ: m.me/happyconsole
ไลน์ไอดี: @happyconsole
เว็บไซต์: happyconsole.com
อินสตาแกรม: bit.ly/2kuFVpT
แฮปปี้คอนโซล (หน้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์) เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
แฮปปี้คอนโซล (ชั้น 3) เทอร์มินอล 21 พระราม 3
เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00 - 21.00 น.
อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับเกมส์ “คลิกที่นี่”