ปี 2023 นี้ เกมภาคใหม่ของ Call of Duty ที่แฟน ๆ รอคอยกัน กำลังจะมาแล้วกับ “Call of Duty: Modern Warfare III” ภาคที่ 3 ของซีรีส์ Modern Warfare ฉบับรีบู้ท (Reboot) ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากเกมเมอร์สายยิงมาอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นแล้ว ก่อนจะไปสัมผัสกับภาคใหม่ เราลองมาย้อนดูความเจ๋งของ Modern Warfare ภาคก่อน ๆ ที่ผ่านมากันว่า มันเคยสร้างความลือลั่นให้แก่เกมเมอร์ยังไงบ้าง!
ยุคแรก - Call of Duty ในฐานะเกม “WWII”
ขอเล่าย้อนความกันเล็กน้อย.. Call of Duty ภาคแรก ออกมาในปี 2003 โดยทีมพัฒนา Infinity Ward จัดจำหน่ายโดย Activision ดึงความสนใจได้อยู่หมัด ในฐานะเกม FPS สงครามโลกครั้งที่ 2 (WWII) ฉากหลังยอดนิยมของเกม FPS แต่ Call of Duty ก็นำเสนอความโดดเด่นเฉพาะไม่เหมือนใคร ทั้งระบบเพื่อนร่วมทีม NPC ที่ช่วยเหลือและตอบสนองกับผู้เล่นได้อย่างสมจริง การเล่าเรื่องที่เน้นความตึงเครียดและเข้มข้น กลิ่นอายสงครามโลกที่ควรจะเป็น
เกมได้รับเสียงตอบรับดีเยี่ยม ด้วยคะแนนรีวิวแบบท่วมท้น ติดหนึ่งใน Game of the Year ประจำปี 2003 ของหลายสำนัก ทำให้ชื่อ Call of Duty กลายเป็นเกมยิงระดับตำนาน เคียงข้างกับ Medal of Honor: Allied Assault ที่ออกมาก่อนในปี 2002 และออกภาคต่อมาจนครบเป็นไตรภาค มาจนถึงปี 2006 (และรีบู้ทด้วยภาค Call of Duty: WWII ในปี 2017 ที่ผ่านมา)
เข้าสู่ยุคใหม่ - Modern Warfare: Original Trilogy (2007-2011)
ในยุคแรก ๆ ชื่อ Call of Duty จะมีความคุ้นชินในหมู่เกมเมอร์ ในฐานะเกม WWII มาตลอด จนกระทั่งการมาถึงของเกมภาคที่ 4 ของเกม ในปี 2007 ที่ได้สร้างความสั่นสะเทือนครั้งใหม่ ด้วยการพาชื่อ Call of Duty เข้ามาสู่ยุคสมัยแห่ง “สงครามปัจจุบัน”
Call of Duty 4: Modern Warfare (2007) "จากภาคต่อ สู่การแตกไลน์ไปสู่สงครามสมัยใหม่เต็มตัว"
เมื่อวงการวิดีโอเกมมาถึงยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน Playstation เปลี่ยนจาก PS2 ไปสู่ PS3 การคัมแบคของซีรีส์ Call of Duty ในภาค 4 ก็มาแบบล้มกระดาน เปลี่ยนฉากหลังจาก WWII มาเป็นสงครามในยุคปัจจุบัน ซึ่งแฟน ๆ ก็ให้การตอบรับต่างกันไป บางคนก็มองว่า มันเป็นการทำให้อัตลักษณ์ของ Call of Duty เสียไปหรือเปล่า? ..จนสุดท้ายเมื่อ Call of Duty 4 ได้ออกมาวางจำหน่ายจริง ๆ มันก็สร้างความฮิตแบบที่ไม่ทำให้แฟน ๆ ต้องผิดหวัง
Call of Duty 4: Modern Warfare จะเล่าเรื่องในปี 2011 กับความขัดแย้งในสงครามกลางเมือง ที่เกิดขึ้นหลังจากภารกิจเข้าจับกุมกลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ “Ultranationalists” เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น จนกลายเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยการนำของผู้นำชาวรัสเซีย Vladimir Makarov โดยเล่าผ่านมุมมองของหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษ Special Air Service (SAS) ของอังกฤษ นำโดย Captain John Price และลูกทีมคนอื่น ๆ โดยมีหน้าที่ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
เกมได้รับเสียงชื่นชมอย่างสูงจากเกมเมอร์ทั่วโลกครับ ทั้งโหมดเนื้อเรื่องที่สนุกเข้มข้น ที่แตกต่างไปจาก Call of Duty สามภาคแรก จากกลิ่นอายแนว “สหายร่วมรบ” แบบสงครามยุคเก่า กลายเป็นแนวระทึกขวัญการเมืองเต็มตัว พร้อมกับโหมด Multiplayer ที่สนุกโคตร ๆ โดยระบบใหม่ที่เกมนำเข้ามาอย่าง Killstreak หรือโบนัสจากการตามเก็บศัตรูที่เกมกำหนดไว้ ที่ถือเป็นตัวพลิกเกมในหลาย ๆ โหมด จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของซีรีส์มาจนถึงตอนนี้ และเป็น Game of the Year อีกหนึ่งเกมประจำปี 2007
Call of Duty: Modern Warfare II (2009) "ภาคต่อที่ยอดเยี่ยมกว่าภาคแรกยิ่งขึ้นไปทุกด้าน"
หลังจากความสำเร็จของ Modern Warfare ทำให้ทาง Activision ต้องการจะขยายจักรวาลของ Call of Duty ให้กว้างใหญ่กว่าเดิม ด้วยการเปิดซีรีส์ใหม่ด้วยภาค Call of Duty: World At War (2008) ที่เป็นการกลับไปเยือนยุค WWII อีกครั้ง โดยฝีมือของทีมพัฒนา Treyarch ส่วนฝั่งเกมภาคหลัก Infinity Ward ก็สานต่อความสำเร็จทันที กับ Modern Warfare II
ภาคนี้จะเป็นการติดตามภารกิจของหน่วย Task Force 141 หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่รวมทหารมือดีเอาไว้หลายเชื้อชาติ เป็นการเติมรสชาติใหม่ ๆ ที่สร้างความดุเดือดให้กับเรื่องราวมากขึ้น แค่ฉากเปิดแรกก็ชวนช็อคมากแล้ว กับภารกิจ “No Russian” สังหารหมู่ในสนามบินมอสโกว เป็นความรุนแรงที่ถูกพูดถึงมาก ณ เวลานั้น (เกมในช่วงยุค 2009 หลายเกมก็นำเสนอความรุนแรงในมุมใหม่ ท้าทายศีลธรรมคนเล่น หลายเกมอยู่ครับ เพื่อเป็นการโชว์พลังการเล่าเรื่องนั่นเอง)
เกมต่อยอดความสำเร็จได้อย่างงดงาม เสียงชื่นชมหลักมาจากการที่เกม นำเอาสิ่งดี ๆ จากภาคที่แล้ว มาปรับปรุงให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะโหมดเนื้อเรื่องหรือ Multiplayer เช่นในโหมดใหม่อย่าง Special Ops ให้ผู้เล่นหลายคนร่วมมือกันในการผ่านภารกิจ แต่ก็มีเสียงติติงอยู่บ้าง เช่น โหมดเนื้อเรื่องที่สั้นเกินไปหน่อย แต่ก็เพียงพอที่ Activision จะสานต่อ Modern Warfare ให้ครบไตรภาค..
Call of Duty: Modern Warfare III (2011) "การปิดไตรภาคที่ยิ่งใหญ่ สมใจแฟน ๆ ทุกรุ่น"
ต่อมาปี 2011 ภาคสุดท้ายของไตรภาค Modern Warfare ก็ถึงเวลาวางจำหน่าย.. Modern Warfare III เล่าเรื่องภารกิจครั้งใหม่ของหน่วย Task Force 141 เมื่อการไล่ล่า Makarov นำไปสู่การพบว่า Ultranationalists มีแผนที่จะก่อวินาศกรรมไปทั่วยุโรป เกมมีขนาดใหญ่กว่า 2 ภาคก่อนเป็นเท่าตัว ความยิ่งใหญ่ในโหมดเนื้อเรื่อง ให้รู้สึกเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ ท่ามกลางสงคราม โหมด Multiplayer ที่ดุเดือดกว่าเดิม ทั้งโหมดใหม่อย่าง Survival ที่ให้ผู้เล่นช่วยกันจัดการ wave ศัตรูจนกว่าจะตายไปข้าง ทำให้การเล่น Co-Op จะสนุกติดพันมาก
แต่ก็โดนแฟนเกมบ่นในส่วนของโหมดเนื้อเรื่องค่อนข้างเยอะพอสมควรครับ หลายคนบอกว่า มันยังสั้นเกินไป ไม่จุใจมากพอ และตัวเนื้อเรื่องที่ไม่ค่อยมีอะไรให้จดจำ มากไปกว่าการเป็นสงครามที่ใหญ่ขึ้น แต่ไม่ได้ติดตาตรึงใจได้มากเท่ากับ 2 ภาคแรก ถึงกระนั้น เกมก็ยังประสบความสำเร็จ ด้วยโหมด Multiplayer ที่ยังคงเป็นตัวชูโรงที่ดี ก็ถือว่าเป็นการปิดไตรภาค Modern Warfare ที่สวยงาม
หลังจาก Infinity Ward เสร็จภารกิจกับไตรภาค Modern Warfare ทาง Activision ก็หันมาผลักดันเกม Spin-Off แบบยาว ๆ ตั้งแต่ยุคอดีต ไปจนถึงยุคอนาคตอันไกลโพ้น ทำให้แฟนหลายคน เริ่มคิดถึงความยิ่งใหญ่เมื่อครั้ง Modern Warfare กันไม่น้อยว่า “แล้ว Modern Warfare ล่ะ จะไม่สานต่ออีกแล้วจริง ๆ หรือ?” ..จนเมื่อเข้าสู่ทศวรรษใหม่ เกมเก่า ๆ ก็มักจะถูกจับมา รีเมก รีบู้ท กันเป็นว่าเล่น และหลังจาก Call of Duty ภาคคลาสสิก ถูกรีมาสเตอร์เกือบหมดแล้ว ในที่สุด ชื่อ Modern Warfare ก็กลับมาอีกครั้ง..
หลังจาก Call of Duty: WWII ในปี 2017 พาผู้เล่นกลับไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 อีกครั้ง และประสบความสำเร็จอย่างดี กลายเป็นการชี้ทางสว่างว่า พวกเขาสามารถนำเอาอัตลักษณ์แบบเกมภาคเก่ามายกเครื่อง ปรับภาพลักษณ์ ตีความใหม่ ให้มีความทันสมัยได้ ทำให้การกลับมาของ Modern Warfare คราวนี้ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ที่เกินความคาดหมายของใครหลายคน
พูดถึง “สงครามสมัยใหม่” จากปี 2007 ที่เกมต้นฉบับออกมา ก็ผ่านมา 13 ปีแล้ว ภาวะสงครามของโลกก็ย่อมเปลี่ยนไป ซึ่งใน Modern Warfare 2019 นี้ ก็เลือกจะนำเสนอบรรยากาศสงคราม ในแบบสมจริงมากกว่า Call of Duty ภาคไหน ๆ ด้วยการให้เราทำภารกิจในฐานะเจ้าหน้าที่จากหน่วย CIA และ SAS ที่ต้องร่วมมือกันหยุดยั้งแผนการของผู้ก่อการร้าย Al-Qatala ไปตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
ทำให้เกมจะไม่ใช่แค่ยิง ๆ ลุย ๆ แล้ว แต่เราต้องเจอกับตัวเลือกตัดสินใจ การวางแผน สอบสวนตัวละคร NPC ที่ต้องตัดสินใจให้ดี เพราะอาจจะเผลอไปยิงผู้บริสุทธิ์ได้ ส่วน Multiplayer ก็มาพร้อมกับโหมดใหม่ ๆ เช่น Battle Royale โหมดสมัยนิยม รองรับผู้เล่นกว่า 64 คน หรือโหมดที่สมจริงโคตร ๆ อย่างการตัด UI และ HUD ทิ้งหมด พลังชีวิต กระสุน เหลือเท่าไหร่ ใช้สันชาตญาณตัวเองเดาเอาล้วน ๆ ก็ยังมี
Call of Duty: Modern Warfare II (2022) "สัมผัสประสบการณ์ปฏิบัติการแบบกองโจรแบบคลุกฝุ่น"
หลังจากเข้ามาเติมความสดใหม่ให้ชื่อ Modern Warfare ไปในภาคแรก Activision ก็ไม่รอช้า ต้องสานต่อภาคต่อไปในทันที.. Modern Warfare II 2022 ยังคงยึดใช้กลิ่นอายสงครามยุคใหม่แนวสมจริง แบบเดียวกับภาคที่แล้ว โดยคราวนี้จะเป็นภารกิจใหม่ของหน่วย Task Force 141 ในการตามล่าตัวผู้ก่อการร้าย Hassan Zyani ด้วยการร่วมมือกับหน่วยปฏิบัติการของเม็กซิโก Los Vaqueros กลิ่นอายในภาคนี้จะมีความติดดินกว่าในภาคก่อน เราจะสัมผัสได้ถึงความเท่ เฟี้ยว มีสไตล์ อย่างชัดเจน ด้วยกลิ้นอายในสไตล์หน่วยพิเศษแบบกองโจร ถือเป็นภาพลักษณ์ที่แปลกใหม่สำหรับ Modern Warfare อย่างมาก
และระบบการเล่นที่ยกระดับความสมจริงขึ้นไปอีก โดยในภาคนี้จะหนักไปทางการเน้นสร้างสภาพแวดล้อมที่สมจริงขึ้น ทุก ๆ ปัจจัยในฉาก ล้วนมีผลต่อเกมการเล่นทั้งหมด ไม่ว่าจะแสงแดดที่สาดเข้ามา หรือการบุกป่าลุยน้ำ ที่มีผลต่อทุกการเล็งยิง ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อความสนุกในโหมด Multiplayer ทำให้ Modern Warfare II 2022 ยังคงได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ อย่างถล่มทลาย ขึ้นแท่นเป็น Call of Duty ที่ทำยอดขายสูงที่สุดของซีรีส์ ณ ขณะนี้
Call of Duty: Modern Warfare III (2023) "เข้าสู่สงครามครั้งใหญ่แบบเต็มตัว ไม่มีคำว่าปราณี"
และแล้วก็มาถึงภาคล่าสุดของซีรีส์กันแล้วนะครับ หลังจากความสำเร็จมาก ๆ ของภาคที่แล้ว ความกดดันจึงมาตกอยู่ที่ภาคนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ สำหรับ Modern Warfare III 2023 นี้ Infinity Ward พัฒนาร่วมกัน Sledgehammer Games ทีมที่ร่วมพัฒนา Call of Duty Black Ops Series มาหลายภาค ที่เปิดตัวมา ก็กระแทกใจแฟนเกมมาตั้งแต่แรกเห็นเลยครับ กับอาร์ตเวิร์คสีแดงฉาน เน้นความมืดมน อย่างชัดเจน โดยเรื่องราวจะสานต่อมาจากภาคที่แล้ว เมื่อผู้ก่อการร้ายได้แผ่ขยายอำนาจออกไปในหลายเมืองทั่วโลก กลายเป็นภารกิจครั้งใหญ่ที่สุด ที่ทีม Task Force 141 เคยเจอมา
จากข้อมูลของเกมล่าสุด ก็มีการเผยรายละเอียดเกมเพลย์มากขึ้น อย่างระบบ Open Combat Missions ให้เราสามารถมีทางเลือกในการจบภารกิจได้หลายทาง ซึ่งแต่ละทางจะล้วนมีผลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่างกัน เป็นการสานต่อวิธีการเล่าเรื่องจากใน 2 ภาคก่อนได้น่าสนใจมาก และโหมด Multiplayer ที่ยังคงเน้นการเล่นแบบ Cross-Gen หรือการเล่นข้ามคอนโซลเหมือนเดิม.. และ “ซอมบี้” กลับมาแล้ว! โหมดซอมบี้อันลือลั่น กลับมาในรูปแบบใหม่ ที่ทางผู้พัฒนาสัญญาว่า นี่จะเป็นโหมดซอมบี้ของ Call of Duty ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาแน่นอน
ถือว่าน่าจับตามองอย่างมากนะครับสำหรับแฟน ๆ Call of Duty ที่กำลังรอการมาของ Modern Warfare III กันอยู่ เพราะต้องยอมรับว่า กระแสความนิยมของภาคที่แล้วที่มาแรงจนก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่า เขาจะสานต่อความสำเร็จของ Modern Warfare II ยังไง? ซึ่งก็ต้องมารอพิสูจน์ด้วยตัวเองกันครับ เชื่อว่าแฟน ๆ ของ Call of Duty ต้องไม่พลาดกันแน่นอน เตรียมเจอกันได้ 10 พฤศจิกายน 2023 นี้! บนแพลตฟอร์มทั้ง PS5, PS4, Xbox Series X/S และ PC
บทความโดย SHODAN
PS5 – Call of Duty Modern Warfare III ราคา 2,390 บาท
PS4 – Call of Duty Modern Warfare III ราคา 2,390 บาท
XBOX Series – Call of Duty Modern Warfare III ราคา 2,390 บาท
สำหรับท่านที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่
อินบ็อกซ์เพจ: m.me/happyconsole
ไลน์ไอดี: @happyconsole
เว็บไซต์: happyconsole.com
อินสตาแกรม: bit.ly/2kuFVpT
แฮปปี้คอนโซล (หน้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์) เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
แฮปปี้คอนโซล (ชั้น 3) เทอร์มินอล 21 พระราม 3
เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00 - 21.00 น.
อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับเกมส์ “คลิกที่นี่”