ไม่น่าเชื่อครับว่า Steam Deck จะวางขายให้เหล่าเกมเมอร์ได้ครอบครองกันมา 1 ปีกว่าแล้ว กับนวัตกรรมเครื่องเกม Handheld ที่ Valve ภูมิใจนำเสนอ และหวังว่า มันจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของเครื่องเกมพกพาในอนาคต แม้ในทีแรก หลายคนจะรู้สึกคาใจกันไม่น้อย ในหลาย ๆ อย่างที่ทาง Valve เผยออกมา ว่าเครื่องเกมพกพามันทำได้ขนาดนั้นจริงหรือ? แต่สุดท้าย Steam Deck ก็สามารถวางขายได้อย่างราบรื่น มาตลอดปีที่ผ่านมา ว่าเขาไม่ได้จริง ๆ สำหรับความสำเร็จในด้านการผลักดันเทคโนโลยีของ Valve
แต่นับจนถึงตอนนี้ หลังจากวางขายไปได้ 1 ปี Steam Deck มีความพร้อมแล้วหรือยัง ที่จะเรียกได้ว่า สามารถเป็นมาตรฐานใหม่ ของเครื่องเกมพกพาในยุคต่อ ๆ ไป? เรามาลองดูเหตุผลแยกเป็นข้อ ๆ กันครับ ว่าในสายตาผู้บริโภค Steam Deck ถือเป็น “ก้าวที่ยิ่งใหญ่” หรือยัง สำหรับเครื่องเกมพกพาในยุคปัจจุบัน?
1. การพยายามให้ Steam Deck เป็นเครื่อง PC ขนาดเล็ก ที่ทำได้ทุกอย่างที่ PC ทำได้
Steam Deck มีจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่า “เป็นมากกว่าเครื่องเล่นเกม” แต่เป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเลย เราสามารถใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ ได้แบบเดียวกับบนคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งที่ Valve ชูขึ้นมาเป็นจุดเด่นมาแต่แรก แต่ ณ ตอนนี้ เชื่อว่า หลายคนก็คงซื้อ Steam Deck ก็เพื่อจะเอามาเล่นเกมเป็นหลัก ทำให้ฟังก์ชันในฐานะคอมพิวเตอร์ ดูจะยังเป็นของแถมเสียมากกว่า ไม่ต่างกับที่เราดูหนังหรือฟังเพลงบนเครื่องเกมพกพาในอดีตเท่าใดนัก ทำให้น่าจับตามองว่า ในอนาคต จะมี Add-Ons ตัวไหนบ้าง เข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้งานแก่ Steam Deck มากขึ้นไปอีก
2. จุดเด่นในด้านการออกแบบตัวเครื่อง เมื่อมองผ่านเครื่องเกมรุ่นพี่อย่าง Nintendo Switch
แม้ Valve จะออกตัวว่า ไม่ได้จะแข่งขันกับ Nintendo Switch แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในด้านจุดประสงค์การใช้งาน Steam Deck มีส่วนใกล้เคียงกับ Switch จริง ๆ จนตอนนี้ Steam Deck ก็มักจะถูกนำมาเทียบกับ Switch เป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะในแง่ดีไซน์ที่คล้ายกัน แต่ Switch ประสบความสำเร็จ ในการทำให้เรารู้สึกได้ในฐานะเครื่องเกมพกพา ส่วน Steam Deck เชื่อว่ายังมีหลายคนเลย ที่ยังรู้สึกไม่ชินกับขนาด น้ำหนัก และการวางตำแหน่งปุ่มควบคุมของเครื่อง แต่สำหรับหลายคน จุดนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะยังไง “เกม” ก็ยังเป็นเหตุผลหลักอยู่ดี ในการตัดสินใจซื้อเครื่องเกม (ส่วนเรื่องดีไซน์ ใช้ไปซักประมาณหนึ่ง ก็จะชินไปเอง)
3. ในยุคแห่งเกม Multi-Platform จำเป็นหรือไม่? ที่ Steam Deck จะต้องมีเกม Exclusive
มีหลายตั้งข้อสงสัยว่า “Steam Deck จำเป็นต้องมีเกม Exclusive หรือไม่?” ซึ่งมันไม่ใช่จุดประสงค์หลักของ Steam Deck เพราะ Valve ตั้งใจให้ Steam Deck เป็นเครื่องเกมพกพาอเนกประสงค์ ที่เล่นได้ทุกเกมที่เล่นได้บน PC คำว่า Exclusive เลยน่าไม่มีอยู่ในแผนงานของ Valve ..แต่ก็ถือเป็นประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามครับ เพราะเกม Exclusive ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ดีเสมอในการกระตุ้นยอดขายเครื่องเกม มาจนถึงปัจจุบัน ทั้ง Switch หรือ Playstation 5 ก็ยังมีเกม Exclusive คอยดึงดูดเกมเมอร์ได้อยู่ตลอด ลองสมมติว่า.. (สมมตินะครับ อย่าไปมองเป็นจริงเป็นจัง) ว่าถ้า Valve ทำ Half-Life, Team Fortress หรือ Portal ภาคใหม่ เป็น Exclusive บน Steam Deck บ้าง มันจะส่งผลดีหรือผลเสียกันแน่? (เพราะไม่ใช่ว่า Valve จะไม่เคยทำ เขาเคยทำ Half-Life: Alyx เป็น Exclusive ของ Steam VR มาแล้ว)
4. ความเสถียรในการรองรับเกมกราฟิกแรง ๆ บน Steam ต่อ ๆ ไปในวันข้างหน้า
ถ้าเทียบในฐานะเครื่องเกมพกพา Steam Deck ถือว่ามีสเป็กเครื่องที่สูงมาก ด้วยหน่วยประมวลผลที่สูงเทียบเท่าโน้ตบุ๊กแรง ๆ หนึ่งเครื่อง ทำให้สามารถเล่นเกมกราฟิกเทพ ๆ ได้อย่างที่ทาง Valve ตั้งใจเอาไว้ แต่ประเด็นที่หลายคนสงสัยไม่น้อยคือ ด้วยความที่เกม PC นั้นมีพัฒนาการด้านกราฟิกอยู่ตลอด และใช้ทรัพยากรของเครื่องคอมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันอาจกลายเป็นช่องว่างระหว่างยุคได้ว่า ภายในไม่เกิน 4-5 ปี Steam Deck อาจจะไม่สามารถรองรับเกมที่กินสเป็กหนักไปกว่านี้ได้ อาจจะต้องลงเอยด้วยการ ออกรุ่นใหม่ที่แรงกว่า? หรือออกชุดอัพเกรดฮาร์ดแวร์สำหรับ Steam Deck โดยเฉพาะออกมาทีหลัง? เป็นเรื่องที่เราต้องดูกันไปยาว ๆ เลยครับ เชื่อว่า Valve ต้องคิดถึงเรื่องนี้ไว้แล้วไม่มากก็น้อย
5. ปัญหาจุกจิกด้าน Performance ที่ทำให้หลายคนยังแอบลังเล
ข้อนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่เครื่องเกมทุกเจ้าล้วนต้องเจอนะครับ แต่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หลายคนจะตัดสินใจซื้อเครื่องเกมเช่นกัน เนื่องจากไม่อยากจะเจอปัญหาด้านการใช้งานในภาคหลัง ซึ่งสำหรับ Steam Deck ปัญหาหลัก ๆ ที่หลายคนห่วงกัน คือเรื่อง “ความร้อน” นั่นเอง เพราะเครื่องใช้หน่วยประมวลผลแบบเดียวกับเครื่องคอมพิวเตอร์แรง ๆ ทำให้เกิดความร้อนสูงมากเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมันส่งผลหมด ทั้งเรื่องระยะเวลาในการใช้งาน และความจุของแบตเตอรี่ แต่ก็ไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้นครับ เพราะตัว Steam Deck เองก็มีวิธีการแบ่งเวลา จัดระบบซอฟท์แวร์ เพื่อควบคุมการใช้งาน ไม่ต่างจากโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง ซึ่งเราเชื่อว่าทุกคนต้องมีวิธีแบ่งเวลาในการใช้ เพื่อลดภาระความร้อนของเครื่องกันอยู่แล้ว
และนี่ก็คือเหตุผลที่น่าสนใจ 5 ข้อ ที่เราอยากมาลองวิเคราะห์ร่วมกับทุกท่านครับ ว่า Steam Deck จะสามารถเรียกว่าเป็น “ก้าวต่อไป” ของเครื่องเกมพกพาได้หรือยัง ในสายตาของผู้บริโภค เราจะเห็นว่า Steam Deck ยังมีหลายอย่างที่เกมเมอร์คิดว่า จะสามารถพัฒนา ไปในทางที่ดีขึ้นได้อีก เพื่อให้ความตั้งใจของ Valve ที่อยากให้เกมเมอร์พกเอาเกมระดับ AAA ติดตัวไปเล่นที่ไหนก็ได้ เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ เราเองก็ไม่ใช่คนที่จะตัดสินได้ว่า Steam Deck จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการเกมหรือไม่ ต้องให้กระแสในหมู่เกมเมอร์ และคอนเทนท์ที่ทยอยออกมารองรับในอนาคต เป็นตัวตัดสินในระยะยาว
แต่สำหรับตอนนี้ เราขอบอกว่า Steam Deck คือเครื่องเกมที่สามารถเชื่อมโยงแพลตฟอร์มอันหลากหลาย เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวที่สุด เท่าที่เทคโนโลยี ณ ตอนนี้จะเป็นไปได้แล้ว ในราคาที่ไม่ไกลเกินเอื้อม ใครที่กำลังลังเลอยู่ว่า จะซื้อหรือไม่ซื้อดี ขออย่าได้ลังเลครับ เพราะการมี Steam Deck ในครอบครอง คือการครอบครองความเป็นไปได้อันไม่รู้จบอย่างแท้จริง!
บทความโดย SHODAN
Steam Deck 64 GB ราคา 16,990 บาท
Steam Deck 256 GB ราคา 19,990 บาท
Steam Deck 512 GB ราคา 22,990 บาท
Steam Deck SSD 1 TB Upgrade ราคา 20,490 บาท
Steam Deck SSD 2 TB Upgrade ราคา 23,490 บาท
สำหรับท่านที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่
อินบ็อกซ์เพจ: m.me/happyconsole
ไลน์ไอดี: @happyconsole
เว็บไซต์: happyconsole.com
อินสตาแกรม: bit.ly/2kuFVpT
แฮปปี้คอนโซล (หน้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์) เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
แฮปปี้คอนโซล (ชั้น 3) เทอร์มินอล 21 พระราม 3
เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00 - 21.00 น.
อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับเกมส์ “คลิกที่นี่”