เกม Marvel’s Spider-Man ภาคแรก ที่ออกมาเมื่อปี 2018 นั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับเกมเมอร์อย่างมากเลยนะครับ เพราะในที่สุด เราก็มีเกม “สไปเดอร์-แมน (Spider-Man)” ในระดับที่ยอดเยี่ยมระดับ AAA ให้แฟนสไปดี้ได้ภูมิใจกันซะที กับเกมที่โดดเด่นไปหมดทุกภาคส่วน ทั้งเกมเพลย์ที่สนุกและมีชั้นเชิง พร้อมกับเนื้อเรื่องของเกมสุดเข้มข้นน่าติดตาม และในปี 2023 นี้ หลังจากปล่อยทั้งภาคเสริม (The City That Never Sleeps, Miles Morales) และเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์ ต่อเนื่องทุกปี ในที่สุด เราก็จะได้เล่นภาคต่อของเกมนี้กันซะที กับ “Marvel’s Spider-Man 2”
Marvel’s Spider-Man 2 ถือเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญครับของจักรวาลเกมสไปเดอร์-แมน ที่พัฒนาโดย Insomniac Games นี้ เพราะจากเดิมที่เกมภาคแรกก็เป็นเกมในสเกลระดับยิ่งใหญ่อยู่แล้ว มาในภาคนี้ จะเป็นการสานต่อเรื่องที่มีความใหญ่โตมากขึ้น ทั้งเส้นเรื่องการผจญภัยอันเข้มข้น เต็มไปด้วยความขัดแย้งที่มากขึ้น และเหล่าวายร้ายหน้าใหม่มากมาย ที่จะมาสร้างความยากลำบากในการพิทักษ์นิวยอร์กของเหล่าไอ้แมงมุมยิ่งกว่าเดิม
สำหรับเรื่องราวในภาคนี้ ก็จะเป็นการสานต่อเรื่องราวต่อจากภาคแรก ที่การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของ “ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ (Peter Parker)” หรือ “สไปเดอร์-แมน” แห่งนิวยอร์ก ทำให้เขาต้องเติบโตมากขึ้น เพื่อเผชิญหน้ากับภัยร้ายใหม่ จากวายร้ายหน้าใหม่ ๆ ที่ค่อย ๆ กรูเข้ามา นำโดย “คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์ (Kraven The Hunter)” นักล่าตัวฉกาจจากพงไพร ที่รวมทีมเหล่าร้ายในชื่อ “เดอะ ฮันเตอร์ส (The Hunters)” และภัยร้ายจากนอกพิภพผู้น่าสะพรึงอย่าง “เวน่อม (Venom)” ที่ทุกคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ “ฆ่าสไปเดอร์-แมน” ..แต่ในคราวนี้ ปีเตอร์ไม่ได้ลุยแค่คนเดียว แต่ยังต้องเป็นรุ่นพี่ของเจ้าหนุ่มอย่าง “ไมล์ส โมลาเรส (Miles Morales)” ผู้ที่กลายเป็นไอ้แมงมุมอีกคน จนกลายเป็นเรื่องราวการต่อสู้ของ 2 แมงมุม และการเผชิญหน้ากับอันตรายมากกว่าเดิม!
Marvel’s Spider-Man 2 ก็ยังคงเป็นเกม Action / Adventure ผจญภัยปราบเหล่าร้ายไปทั่วทั้งนิวยอร์ก ในแบบของเกม Open-World ที่ทุกคนหลงรักจากภาคแรกไว้อย่างครบถ้วน แต่มาในสเกลที่ใหญ่ขึ้น มีอะไรให้ทำเยอะกว่าเดิมเป็นเท่าตัว โดยจุดเด่นของภาคนี้คือ เราจะมีสไปดี้ 2 คน นั่นคือ ปีเตอร์ กับ ไมลส์ ให้เราสามารถเล่นสลับกันได้ตลอดทั้งเกม ทั้งสองคนจะมีจุดเด่นในด้าน Combat ที่แตกต่างกันคนละแบบ โดยในระหว่างที่ไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องหลัก เราสามารถสลับเล่นระหว่างทั้ง 2 คนได้ตลอดเวลา แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน (หากเนื้อเรื่องต้องการสไปดี้ทั้ง 2 คน เกมจะพาทั้งคู่มาเจอกันตามเส้นเรื่องเอง นอกนั้นเราสามารถพาทั้งสองหนุ่มไปตรงจุดไหนยังไงได้หมดเลย)
ในด้านการปรับแต่งตัวละคร ก็ยังคงยึดใช้ระบบเดิมจากภาคแรกครับ คือการอัปเกรดชุดแต่ละแบบ โดยการใช้ Skill Points ที่ได้มาจากการต่อสู้กับเหล่าร้าย ซึ่งแต่ละชุดจะมีความสามารถที่แตกต่างกัน ให้เราสามารถสลับใช้ได้ตลอดทั้งเกม โดยฟังก์ชันอีกอย่างที่ถูกเพิ่มเข้ามาภาคนี้ก็คือ Web Wing หรือปีกใยแมงมุมใต้รักแร้ของชุด (แหม่ เรียกซะไม่เท่เลย) ให้ทั้งสองสไปดี้ สามารถร่อนไปในอากาศระหว่างโหนใยได้แล้ว ซึ่งมีประโยชน์มากขึ้นในการใช้เดินทาง ให้เราสามารถ Fast Travel ในอากาศได้ผ่าน Wind Tunnels อุโมงค์ลมที่พาเราบินไปถึงจุดหมายในเวลาอันสั้น และในการต่อสู้ ให้ผู้เล่นมีจังหวะในการอัดศัตรูตามฉากได้แบบสร้างสรรค์กว่าเดิม
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ การมาถึงของวายร้ายตัวเอ้อย่าง วีน่อม ที่ได้รับการชูโรงมาตั้งแต่ในตัวอย่างแรก และวีน่อมจะไม่ได้มีบทเพียงแค่เป็นศัตรูตัวหลักเท่านั้น แต่เจ้า ซิมเบียต (Symbiote) หรือปรสิตต่างดาวตัวนี้ ก็จะกลายมาเป็นชุดใหม่ของปีเตอร์ เป็นชุด Symbiote Spider-Man โทนสีดำสุดเท่ ที่มาพร้อมกับความสามารถใหม่ ๆ ทั้งรูปแบบการต่อสู้ที่เปลี่ยนไปจากปกติ ที่เน้นความดุดันรุนแรงสะใจ ในแบบที่หลายคนอาจจะลืมชุดสไปดี้แบบปกติไปจากหัวไปเลย และจะมีบทบาทในเส้นเรื่องหลักของปีเตอร์ด้วย (แบบเดียวกับที่เราคุ้นเคยในคอมิคต้นฉบับ)
นอกจากวีน่อมแล้ว ในเกมภาคนี้ ก็ยังเต็มไปด้วยบรรดาเหล่าร้าย ที่เราในฐานะสไปดี้ จะต้องไปต่อกรด้วยทั้งหลายอยู่อีกนับสิบตัว ซึ่งในภาคนี้ก็ยังคงความโดดเด่นของเหล่าร้าย และฉาก Boss Fight ที่รับประกันความท้าทายเหมือนเดิม ด้วยบรรดาวายร้ายใหม่ ๆ ทั้ง คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์ ศัตรูที่จะมามีบทบาทสำคัญของภาคนี้ รวมถึงตัวที่ถูกปูไว้มาตั้งแต่ภาค Miles Morales อย่างมนุษย์กิ้งก่า ลิซาร์ด (Lizard) ก็พร้อมเปิดตัวแบบเต็ม ๆ แล้วในภาคนี้ พร้อมกับเสริมทัพวายร้ายทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่อีกหลายตัว ที่เราจะได้พบเจอตลอดทั้งเกม
ใครที่กำลังรอคอยเกมนี้กันมานานแล้ว อย่าลืมวงปฏิทินกันเอาไว้ให้ดีเลยครับ เกมกำหนดวางจำหน่ายวันที่ “20 ตุลาคม 2023” นี้ บนเครื่อง Playstation 5 เท่านั้น! ท่านสามารถ Pre-Order เฉพาะตัว “Standard Edition” ณ ขณะนี้เป็นต้นไป โดยเกมจะมีทั้งหมด 3 เวอร์ชัน “Standard Edition” ราคา 2,290 บาท, “Digital Deluxe Edition” ราคา 2,590 บาท และ “Collector’s Edition” ที่มาพร้อมกับฟิกเกอร์ “2 สไปดี้ vs วีน่อม” รายละเอียดสุดงดงาม ราคา 12,990 บาท
บทความโดย SHODAN
ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
อินบ็อกซ์เพจ: m.me/happyconsole
ไลน์ไอดี: @happyconsole
เว็บไซต์: happyconsole.com
อินสตาแกรม: bit.ly/2kuFVpT
แฮปปี้คอนโซล (หน้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์) เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
แฮปปี้คอนโซล (ชั้น 3) เทอร์มินอล 21 พระราม 3
เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00 - 21.00 น.
อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับเกมส์ “คลิกที่นี่”