รีวิว Resident Evil 4 กลับสู่นรกกลางสเปนอีกครั้ง ในเวอร์ชันเน็กซ์เจน

2 ปีที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

Resident Evil เป็นซีรีส์ที่ครองใจคนทุกยุคทุกสมัย นับตั้งแต่การปรากฏตัวครั้งแรกบนเครื่อง PlayStation 1 มันก็ถูกพูดถึงในฐานะเกมสยองขวัญที่นำ “ซอมบี้” มาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า น่ากลัวที่สุดเกมหนึ่งเท่าที่เครื่องเกมโพลิกอนจะทำออกมาได้

หลังจากภาคแรกประสบความสำเร็จ ภาคต่อ ๆ มาในแฟรนไชส์ก็ดำเนินรอยตามไม่ต่างกัน Resident Evil 2 คือภาคที่สร้างความสมบูรณ์แบบให้แฟรนไชส์ ส่วนภาค 3 ก็ทำให้ทุกคนหวาดระแวง เสียวสันหลังได้ แม้จะเป็นเพียงพื้นที่โล่ง ๆ ก็ตาม

ตำนานไตรภาคนี้ได้ถูกรีเมคเป็นเกมเวอร์ชันใหม่ทั้งหมดแล้ว และคิวถัดมาเป็น Resident Evil 4 ที่ถือเป็นตำนานเช่นกัน แต่การรีเมคครั้งนี้จะรุ่งเหมือนภาค 2 หรือจะร่วงเหมือนภาค 3 เรามาดูไปพร้อม ๆ กันในรีวิว Resident Evil 4 จากเรา Happyconsole

เนื้อเรื่อง

หลังจากผ่านนรกในเมืองแรคคูนซิตี้ ลีออน ได้ถูกรัฐบาลจับย้ายเข้าไปอยู่หน่วยรบพิเศษ ฝึกและใช้ชีวิตอยู่แบบสายลับ เพื่อปิดบังเรื่องราวในแรคคูนซิตี้ พร้อมพัฒนาตำรวจหนุ่มหน่วยก้านดีรายนี้ไปด้วย เพราะคาดหวังว่าเขาจะใช้ทักษะที่มี แก้ปัญหาใหญ่ ๆ ในอนาคต

และปัญหานั้นก็มาแล้ว เพราะลูกสาวสุดที่รักของประธานาธิบดี แอชลีย์ ถูกลักพาตัวไปโดยบุคคลปริศนา มุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านลึกลับแห่งหนึ่งในสเปน ลีออนจึงต้องรับหน้าที่สำคัญ พาตัวลูกสาวประธานาธิบดีกลับมาให้ได้ โดยไม่รู้เลยว่าเบื้องหน้ามันคือนรกอีกขุมสำหรับเขา

ตามเดิม นี่คือเนื้อเรื่องแบบเดิมกับเวอร์ชัน PS2 ไม่ต่างกับรีเมคภาคก่อนหน้า คุณจะยังได้เล่นเป็นลีออน เอฟ เคนเนดี้ ตำรวจหนุ่มเหมือนเดิม แต่แตกต่างกันทีโทนเรื่องจะต่างไป จากในเวอร์ชันก่อน มันจะมีบางจุดที่เรารู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผล ในเวอร์ชันนี้ มันจะเล่าออกมาให้ดูสมเหตุผลมากขึ้น ทำให้เราเชื่อได้ว่าตัวละครรู้สึกแบบนี้จริง ๆ

ลีออนในภาคนี้ดูต่างจากภาคต้นฉบับพอสมควร ในเวอร์ชันต้นฉบับ ลีออนจะดูเคร่งขรึม สีหน้าเหมือนเอาอยู่ทุกสถานการณ์แม้จะเจอกับอะไรก็ไม่รู้อยู่ตรงหน้า ในเวอร์ชันนี้เขาตอบสนองมันอย่างเต็มที่ ดูเป็นคนที่มีฝันร้ายในตัวอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าสมจริงกว่าเก่าค่อนข้างเยอะ

แอชลีย์ในภาคนี้ก็มีมิติในตัวเอง ไม่ได้เป็นเพียงเด็กสาวที่ถูกลักพาตัวมาเท่านั้น เธอฉลาด และมีความคิดในแบบของผู้ใหญ่จริง ๆ ทำให้ลีออนไม่ได้ดูแลเธอมากนักในภาคนี้ เช่นกันกับศัตรูในเกมที่มีเหตุผลในการกระทำยิ่งขึ้น แม้ตัวเนื้อเรื่องจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่องค์ประกอบจำนวนมากที่รวบรัด และตรงจุด ทำให้เราเข้าใจบริบทของเกมมากขึ้นเป็นกอง

การนำเสนอ

ในเวอร์ชันเก่า Resident Evil 4 ดูจะเป็นเกมแอคชันที่ไม่ค่อยเทไปทางน่ากลัวเท่าไหร่ อาจจะเพราะเหล่าชาวบ้าน หรือนักบวช ไม่ใช่ศัตรูที่น่ากลัวเท่าซอมบี้ ทั้งในเรื่องท่าทางและเสียงร้อง สิ่งที่ทำให้เรากลัวในภาคนี้ น่าจะเป็นศัตรูที่ตายยาก ๆ มากกว่า

แต่ในเวอร์ชันใหม่ เขาขยายทุกด้านของความกลัว หมู่บ้านในเกมดูเป็นหมู่บ้านที่มีชาวบ้านจริง ๆ แต่ความกันดารของมันก็ทำให้เรากลัวในเวลาเดียวกัน อีกทั้งบรรยากาศในตอนกลางคืนยังทำออกมาได้ดีมาก ชวนขนหัวลุกได้แม้จะไม่ใช้เสียง หรือท่าทางเหมือนเวอร์ชันเก่า เรียกได้ว่าทะลุไปอีกขั้นของความสมบูรณ์แบบเลย

สิ่งเดียวที่เราว่าทำไม่ได้เท่าแบบเก่า คือความระทึกลนลานจากปุ่มควบคุมแบบเก่า เพราะในเวอร์ชันใหม่เขาไม่ได้ใช้ Tank Control แล้ว ไม่จำเป็นต้องหันหลัง หันหน้าเพื่อให้มุมกล้องมันหมุนตาม ส่งผลให้เรามองเห็นได้กว้างขึ้น วางแผนได้มากขึ้น ขยับได้มากขึ้น ทำให้ความเป็นแอคชันมันก็มากขึ้นตาม ใครเล่นเกมแอคชันเก่ง ๆ ก็จะรู้เลยว่า ลีออนในภาคนี้เก่งขึ้นกว่าภาคเก่าอย่างมาก

เกมการเล่น

เกมเพลย์ของภาคนี้ได้อานิสงค์เต็ม ๆ มาจากภาค 2-3 Remake คือเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 แต่ขยับได้ทั้งตัว ไม่เหมือนดีไซน์แบบภาคเก่าที่ขยับหมุนไปมาแบบรถถัง ทำให้ความคล่องตัวของลีออนในภาคนี้สูงมาก เราสามารถหลบการโจมตีของศัตรูได้เพียงแค่เดินให้สร้างสรรค์ หรือหมอบหลบ

สิ่งหนึ่งที่ภาคนี้มี แต่ภาคต้นฉบับไม่มี คือการลอบเร้น ในภาคนี้เราสามารถกดให้ลีออนย่องได้ การเดินย่องจะทำให้ศัตรูสังเกตเห็นคุณยากขึ้น และคุณยังสามารถใช้ Stealth Kill ใส่ชาวบ้านได้ด้วย ทำให้ลดภาระของคนที่ไม่ค่อยชอบใช้ปืนไปได้

มีดในภาคนี้ทำหน้าที่มากกว่าภาคต้นฉบับ จากเดิมที่แค่หยิบมาเปิดกล่อง หรือฟันศัตรูในจังหวะที่ศัตรูล้ม ในภาคนี้มันใช้ได้ทั้ง Stealth Kill หรือการ Execute ศัตรูที่ล้มลง อีกทั้งมันยังสามารถใช้ “บล็อค” การโจมตีของศัตรูได้ แต่เห็นมันสารพัดประโยชน์ขนาดนี้ การใช้บ่อย ๆ ก็พังได้เหมือนกัน โดยคุณสามารถอัพเกรด และซ่อมมีดได้ที่พ่อค้า

ศัตรูในภาคนี้ต้องบอกว่าเก่งขึ้นจากภาคที่แล้วมาก ปกติแล้วมันจะบุกมาต่อหน้า และไม่ค่อยมีแบบแผนอะไรชัดเจนนัก ในภาคนี้มันสามารถจับล็อคคุณได้ สามารถโจมตีระยะใกล้ ไกล ได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะศัตรูพิเศษที่เก่งขึ้นอย่างโดดเด่น เช่น ตัวเลื่อยที่ไล่ฆ่าเราอย่างชาญฉลาดกว่าเดิม เป็นต้น

ประสิทธิภาพ

ในการเล่นบน PlayStation 5 ตัวเกมสามารถทำเฟรมเรทได้ 30fps นิ่ง ๆ ในโหมด Ray Tracing และ 60fps ในโหมด performance จะมีเฟรมเรทตกบ้างในจังหวะที่มีการต่อสู้เยอะ ๆ หรือมีการใช้ระเบิด แต่สังเกตเห็นได้ค่อนข้างยาก

ในเรื่องของบั๊ก เกมไม่ได้มีบั๊กที่เยอะมากขนาดนั้น ส่วนมากจะเป็นในเรื่องของ Visual เล็กน้อยที่อาจจะมีบ้าง เช่น โหลด Texture ไม่ทัน ความคมชัดของพื้นผิวลดลงเฉียบพลัน แต่มันไม่ได้เกิดบ่อยเท่าไหร่นัก นาน ๆ จะเจอที ถือเป็นอีกเกมที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบตั้งแต่เปิดให้เล่นเลย

สรุป

โดยรวม Resident Evil 4 น่าจะเป็นเกมรีเมคที่เพอร์เฟกต์ที่สุดแล้วในตอนนี้ เพราะมันมีเนื้อหาตามต้นฉบับอย่างครบถ้วน ทั้งยังมีการปรับปรุง ซ่อมแซมเรื่องราวบางอย่างที่ตกค้างไป ในด้านระบบการเล่น มันก็ทำออกมาได้อย่างพิถีพิถันในแบบที่เราอยากให้มันเป็น ถ้าคุณยังคิดถึง RE4 เราไม่พูดอะไรมาก นอกจากคำว่า “ต้องเล่น” คำเดียวเท่านั้น

คะแนน 9/10