เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่กลับมาดีวันดีคืนจริง ๆ สำหรับ WWE 2K หลังจากเผชิญความน่าผิดหวังไปเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา การนำเกมกลับไปพัฒนายาวถึง 2 ปี ทำให้ WWE 2K22 กลายเป็นพื้นฐานของความสำเร็จที่น่าชื่นชม อีกทั้งยังเห็นแนวทางใหม่ ๆ ของซีรีส์ที่กำลังจะเดินไปได้ในอนาคตล่าสุด WWE 2K23 เพิ่งจะวางจำหน่ายไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ นี่เป็นเกมที่เรา Happyconsole รอคอยจะสัมผัสมาอย่างยาวนาน และตอนนี้เราก็ได้สัมผัสแล้ว มาดูกันว่าเราคิดอย่างไรกับมัน ในรีวิว WWE 2K23 จาก Happyconsole
เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องของ WWE 2K23 จะมีอยู่ด้วยกัน 2 โหมดหลัก นั่นก็คือ MyRise และ Showcase สำหรับโชว์เคสเป็นโหมดที่ปกติจะมีด้วยกันทุกภาคตั้งแต่สมัยแรก ๆ ที่เกมนี้ถูกซื้อมาจากเจ้าของลิขสิทธิ์เก่า ภาคนี้เป็นเรื่องราวของ John Cena นักมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ขวัญใจใครหลาย ๆ คนฃแต่ความพิเศษของภาคนี้ อยู่ที่เราไม่ได้เล่นเป็นตัวเอกของโชว์เคสเหมือนภาคก่อน ๆ แต่เราเล่นเป็น “ศัตรู” ของตัวเอกโชว์เคส กล่าวคือแมตช์ที่เขาคัดมากว่า 14 แมตช์ในอาชีพของจอห์น ซีน่า จะเป็นแมตช์ที่เขาแพ้หมดเลย ซึ่งในฐานเอไอ เขาจะพิสูจน์ให้เราเห็นว่า เขาไม่ได้แพ้เพราะอยากจะแพ้ และเขาล้ม แต่ลุกทุกครั้งที่มีโอกาสในโหมด MyRise เรายังตามติดชีวิตตัวละครที่เราสร้างเองอยู่เหมือนเดิม ในภาคที่แล้วหลายคนหงุดหงิดที่เนื้อเรื่องมันเหมือนสไลซ์ออฟไลฟ์ ไม่มีจุดจบสักที ในภาคนี้เราสามารถจบเนื้อเรื่องได้แล้ว โดยเนื้อเรื่องก็ยังสนุกสบาย ๆ ตามสไตล์ของเกมมวยปล้ำ ถ้าคุณดูมวยปล้ำอยู่แล้วน่าจะอินกับเรื่องราวได้ไม่ยากโดยรวมสิ่งที่เราชอบในภาคนี้คือความสร้างสรรค์ของโชว์เคสที่เหนือกว่าภาคไหน ๆ ทั้งกิมมิคที่ชัดเจน และการสื่อสารที่เข้าท่า ประมาณว่า “อย่ายอมแพ้แม้จะเจออุปสรรคใด ๆ” ทำให้ภาคนี้กินใจมากกว่าภาคไหน ๆ ที่เคยทำมา
การนำเสนอ
สิ่งที่โดดเด่นมาก ๆ ของ WWE 2K23 คือการนำเสนอ ต้องบอกว่าเขาสานต่อจากภาคที่แล้วมาได้อย่างคุ้มค่า ภาคที่แล้วสิ่งที่ดีที่สุดคือสภาพบรรยากาศของความเป็นมวยปล้ำที่เด่นชัด จากเดิมซีรีส์นี้จะเน้นไปที่เกมเพลย์ที่ซับซ้อน และสมจริงอย่างมาก จนละเลยสิ่งรอบข้างที่ทำให้มวยปล้ำเป็นมวยปล้ำไป เช่น เสียงเชียร์ การพากย์ ซึ่งในภาคนี้เขาทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบการเปิดตัวนักมวยปล้ำ เพลง แสง สี เสียง มุมกล้อง เหมือนเขาหาเส้นทางของตัวเองเจอได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อทุกอย่างอยู่ในระดับคุณภาพ การดู และการเล่นแมตช์แต่ละครั้งเลยมอบความสนุกแบบหยุดไม่ได้ ยิ่งถ้าคุณชื่นชอบมวยปล้ำขนาดหนัก สนุกกับการดูฉากเปิดตัว สนุกกับเพลง และองค์ประกอบทุกอย่างของมวยปล้ำ คุณจะชอบภาคนี้มากแต่จริง ๆ มันก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้างในเรื่องรายละเอียดเล็ก ๆ ที่มีบางจุดไม่ถูกต้อง เช่น ฉากเปิดตัวของนักมวยปล้ำบางคนที่ปกติแล้วเขาจะไม่ทำ ท่าบางท่าที่นักมวยปล้ำไม่ได้ใช้ ซึ่งตรงนี้เป็นเพราะการโมชันแคปเจอร์ เขาไม่ได้จ้างนักมวยปล้ำจริง ๆ มาทำ เนื่องจากปัญหาด้านทุนทรัพย์ ทำให้ต้องจ้างนักมวยปล้ำอินดี้มาโมแคปให้ ตรงนี้เลยอาจจะทำให้เสียอรรถรสไปนิดนึง แต่ถ้าคุณไม่ใช่แฟนมวยปล้ำตัวจริง เราบอกเลยว่า มองไม่ออกแน่ ๆ
เกมการเล่น
เกมเพลย์ของภาคนี้ยังเป็นแบบภาค WWE 2K22 คือลดความซับซ้อนที่ผู้พัฒนาเก่าเคยทำไว้ ให้มีความเป็นเกมต่อสู้มากขึ้น สามารถแข่งขันกันได้อย่างสนุกสนานโดยไม่แคร์ความสมจริงในแง่มวยปล้ำ ถ้าภาคที่แล้วมันคือเกมอาเคดที่เน้นเอามันอย่างเต็มตัว ภาคนี้มันลดละเลิกความไม่สมจริงตรงนั้น และวิ่งเข้าหาความสมจริงบ้างกล่าวคือนักมวยปล้ำมีความเป็นนักมวยปล้ำมากกว่าภาคที่แล้ว มันจะไม่มีแบบนักมวยปล้ำที่วิ่งทั้งแมตช์ ปล้ำมาครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่เหนื่อย เจ็บขนาดไหนก็เดินฉิว ในภาคนี้เราจะเห็นว่านักมวยปล้ำเหนื่อยได้ เจ็บได้ มีช่วงพัก มีช่วงเบรคคล้าย ๆ มวยปล้ำจริง ๆ บนทีวีทำให้เกมเพลย์ของภาคนี้เป็นกึ่ง ๆ ระหว่าง WWE 2K19 ที่เป็น Simulation เต็มตัว กับ WWE 2K22 ที่เป็นแอคชัน เมื่อความกึ่ง ๆ มาอยู่ด้วยกันมันดีกว่าที่คิด คือมันมีความสวยงามตรงจังหวะ เหมือนดูแมตช์จริง ๆ แบบภาค 19 แต่มันก็สามารถเอ็นจอยกับเกมเพลย์ได้แบบ 22 ถือเป็นการผสมผสานที่ดีมาก ๆข้อเสียในด้านเกมเพลย์คงมีอย่างเดียว คือความเป็นมวยปล้ำที่ลดลงในแง่อนิเมชั่น เนื่องจากเขาต้องการเพิ่มสปีดให้การปล้ำมันไหลลื่นขึ้น ท่าทางบางอย่างเลยถูกตัดออกไป โดยเฉพาะท่าทาง Reverse ที่ถูกตัดออกไปเยอะมาก เช่น ถ้าเราโดนจับขณะนอนแล้ว Reverse เกมจะตัดอนิเมชันยาว ๆ ที่เคยมีในภาคที่แล้วออกไปเลย กลายเป็นเรากลิ้งตัวหลบออกมาแทน แม้เกมเพลย์มันจะดูลื่นไหลขึ้น แต่สำหรับคนดูมวยปล้ำ อะไรแบบนี้อาจจะไม่อภิรมย์เท่าไหร่
ประสิทธิภาพ
นี่เป็นอีกภาคที่ใช้คำว่า ไม่ว่าคุณจะซื้อแพลตฟอร์มไหนก็ไม่เสียหาย เพราะ PS4 และ PS5 ของภาคนี้หาข้อแตกต่างยากมาก อาจเพราะเครื่องทั้งสองเครื่องใช้สถาปัตยกรรมคล้ายกัน ทำให้มันไม่มีการดรอปคุณภาพจนเห็นชัดมากนัก ฉะนั้นถ้ามีแค่ PS4 เราก็เชื่อว่าเล่นได้สวยงามไม่ต่างจากบน PS5บน PS5 ภาพ 4K 60FPS ถือว่านิ่ง ๆ เลย ไม่มีอาการตก กระตุก อะไรตามสไตล์ของเกมมวยปล้ำที่เขาทำมาให้เล่นบนคอนโซลเป็นหลักอยู่แล้ว ทำให้หายห่วงเลยในแง่ประสิทธิพภาพ แต่ในเรื่องของบั๊กนี่ต้องบอกว่ายังคงน่ารำคาญWWE 2K23 เป็นเกมที่ไม่ได้มีบั๊กร้ายแรงอะไรแล้ว แต่มันก็ยังมีบ้างประปราย และมีแทบทุกภาค บางบั๊กมันเป็นบั๊กแบบระดับวงในที่คนปกติไม่ค่อยใช้ มันก็ไม่แก้ให้ ตรงนี้ถ้าใครรับได้ก็ไปต่อ ถ้ารับไม่ได้เราก็คิดว่าต้องไปต่อเหมือนกัน เพราะมันไม่มีเกมมวยปล้ำไหนดีเท่าเกมนี้อีกแล้วถ้าไม่นับเรื่องบั๊ก
สรุปในภาคอื่น ๆ เรายังคิดอยู่บ้างว่า ระบบนั้นระบบนี้ ภาคเก่ามันยังทำดีกว่า แต่ WWE 2K23 เป็นเกมที่เราไม่ได้คิดแบบนั้น มันไม่มีอะไรมาแทนมันได้ และนี่คือเกมมวยปล้ำที่ดีที่สุดในตอนนี้ อย่างแท้จริง
PS4 - WWE 2K23 ราคา 2,090 บาท
PS5 - WWE 2K23 ราคา 2,290 บาท
สำหรับท่านที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่
อินบ็อกซ์เพจ: m.me/happyconsole
ไลน์ไอดี: @happyconsole
เว็บไซต์: happyconsole.com
อินสตาแกรม: bit.ly/2kuFVpT
แฮปปี้คอนโซล (หน้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์) เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
แฮปปี้คอนโซล (ชั้น 3) เทอร์มินอล 21 พระราม 3
เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00 - 21.00 น.
อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับเกมส์ “คลิกที่นี่”