จังหวะนี้น่าจะไม่มีสุดไปกว่า อุปกรณ์เสริมตัวใหม่จากทาง Sony “PlayStation VR2” ซึ่งถึงแม้ว่าจะออกมาประมาณสัปดาห์นึงแล้ว ความแรงก็ไม่ได้ลดลงเลย ในร้านของเรา Happyconsole ก็ขายดีเอามาก ๆ ซึ่งเราก็ไม่ได้แปลกใจแต่ประการใด เพราะของเขาดีจริงและเนื่องจากมันดีเนี่ยแหละ เราก็เลยเอาเวลาไปทดสอบมันถึงหนึ่งสัปดาห์ เพื่อทดลองหาจุดแข็งจุดอ่อนของมันอย่างเต็มรูปแบบ และในเมื่อเราได้ผลลัพธ์มาแล้ว วันนี้เราก็เลยจะมาแชร์กันใน “รีวิว PlayStation VR2 ที่สุดของวีอาร์สำหรับคอนโซล” จากเรา Happyconsoleดีไซน์ และสเปกของ PlayStation VR2
- จอแสดงผล OLED
- ความคมชัดของหน้าจอ 2000x2040 ต่อข้าง
- อัตรารีเฟรชเรท 90hz, 120hz (ขึ้นอยู่กับเกม)
- ใช้เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว 6 แกน
- กล้อง 4 ตัวบนแว่น และ IR อีก 2 ตัวในตาแต่ละข้าง
- มาพร้อม PlayStation VR2 Sens 2 ตัวเอาจริง ๆ แค่เปิดสเปกมานี่ หลายคนก็น่าจะเก็งกันไว้แล้วว่านี่แหละ “ของจริง” ที่เขาควรจะทำมาตั้งแต่รุ่นแรก ซึ่งถ้าใครย้อนไปสมัยนั้น คุณจะได้พบกับ PlayStation VR ที่มันเหมือนจะ VR แค่ชื่อ เพราะทุกอย่างมันดูฝืนธรรมชาติไปหมด จะเล่นก็ต้องเชื่อมต่อแว่นกับเข้ากับกล่อง แว่นไม่มีกล้องจับความเคลื่อนไหว คอนโทรลเลอร์ก็ต้องไปใช้ Move ของเก่าตั้งแต่สมัย PS3 มันทำให้ประสบการณ์ไม่ดีเอามาก ๆ เมื่อเทียบกับตลาด VR ในตอนนั้นฉะนั้น PlayStation VR2 จึงเปรียบเสมือนการ “เอาจริง” ของ Sony ว่า “เฮ้ย ไม่เล่นแล้วนะ” เพราะเปิดมาด้วยจอแบบ OLED ที่ยังไม่ค่อยมีใครทำใน VR พร้อมกับความละเอียดระดับแบบเกิน Full HD มีน้อง ๆ 4K ได้ เมื่อรวมกับ Refresh rate ที่สูงได้ถึงระดับ 120hz นี่แหละคือสิ่งที่ชาวบ้านเขาทำกัน ไม่ใช่ปล่อยอะไรออกมาไม่รู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เหมือนรุ่นแรกดีไซน์แม้จะดูเหมือนของเดิม แต่ใน PSVR2 มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดอยู่หลายจุด แต่จุดที่สำคัญมีไม่กี่จุดเท่านั้น อย่างแรก เขาย้ายกล้องจับความเคลื่อนไหวออกมาข้างนอกแล้ว ทำให้ใครที่มึน ๆ ในการเล่น VR ตัวก่อน มารอบนี้ไม่น่ามึนแล้ว เขาแถมกล้อง IR มาจับการเคลื่อนไหวดวงตาอีก ทำให้มันมีโหมดที่สามารถ Tracking ดวงตาเราได้ ไม่ว่าเราจะมองซ้ายมองขวา เหล่มอง มันก็รู้หมด แม้จะกระพริบตามันก็รู้ ทำให้เปิดโอกาสให้เขาสร้างอะไรใหม่ ๆ ได้อีกเยอะ เช่น “เกมผีที่ห้ามคุณกระพริบตา” อะไรแบบนั้นอย่างที่สองคือ มันไม่มีกล่องแปลงสัญญาณอะไรให้ยุบยับวุ่นวายอีกแล้ว คราวนี้อุปกรณ์มีแค่สายที่ต่อเข้าตัวแว่น VR กับ PS5 โดยตรง พร้อมจอย PlayStation VR2 Sens 2 ตัว ซึ่งมันก็นับว่าเป็นตัวเดียวกันได้ เพราะมันก็คือการผ่าครึ่ง Dualsense ออกมาถือสองมือ ให้ถนัดยิ่งขึ้น พวกฟังก์ชัน Haptic Feedback หรือ Adaptive Trigger ก็ยังมีอยู่แบบครบ ๆ คือตอนนี้อะไรก็ได้ ขอแค่มันอย่าให้มาถือ Move เล่นเหมือนรุ่นก่อนหน้าก็พอลองใช้จริง
เลิกบ่นเรื่องดีไซน์แล้วมาใช้กันเลยดีกว่า แว๊บแรกที่เราเห็นเราคิดเลยว่า แหม่ ไม่น่าจะพอดีกับหัวของเราแน่นอน ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ดีที่ PSVR2 สามารถปรับความหนา ความแน่นของแว่นได้ ทำให้ไม่ว่าจะศีรษะแบบไหน ถ้าเป็นคนปกติก็น่าจะใช้ได้หมด และเมื่อปรับความแน่นแล้ว เราจะต้องมาปรับเลนส์กันต่อว่า ประมาณนี้ไกลไปไหม ใกล้ไปไหม ตรงนี้ถ้าใครใส่แว่นก็แนะนำให้ใส่เข้าไปด้วยเลย ตัวแว่นจะได้พอดี และเราก็ไม่ต้องลำบากเล่นทั้ง ๆ ที่สายตาสั้น/ยาว ด้วยด้านบนแว่นก็จะมีช่องเสียบหูฟัง ซึ่งเราสามารถหยิบลงมาได้ และหยิบขึ้นไปใส่ใหม่ก็ได้เวลาเล่นเสร็จ ถือเป็นอะไรที่สะดวกดี เพราะเมื่อก่อนการเล่น VR ถ้าจะต้องเสียบหูฟังเพิ่มด้วย น่าจะต้องใช้หูฟังที่สายยาวเอามาก ๆ แต่สำหรับ PSVR2 หูฟังมันมีอยู่ในตัวเลย มีช่องเก็บอะไรเรียบร้อยด้วย ปัญหาสะดุดสาย หรือกระชากสายหูฟังเลยไม่น่ามีสำหรับอุปกรณ์ตัวนี้
เข้าเล่นแว๊บแรกก็ขอเปิดโหมด See Through ก่อน โดยทุกคนสามารถกดได้ที่พาเนลด้านบนของแว่น เมื่อเปิดโหมด See Through แล้ว ในหน้าเมนู เราจะสามารถเห็นสภาพพื้นที่ในความเป็นจริงได้แม้เราจะใส่แว่นอยู่ ทำให้เราอึดอัดน้อยลง และเมื่อกดแล้ว แว่นจะสอนให้เราตั้งค่าสิ่งที่เรียกว่า Play Area หรือพื้นที่เล่นของเรา ว่าปกติเรายืนเล่นตรงไหน นั่งเล่นตรงไหน อะไรยังไงก็ว่าไปสำหรับคนที่ไม่ชอบยืน แว่นก็ปรับนั่งเล่นได้ สำหรับเราก็นั่งเล่นเหมือนกันเพราะแก่แล้ว ข้อเข่าอะไรไม่ค่อยดี เมื่อเราเซ็ตอะไรเสร็จแล้วมันก็จะมี Virtual Wall โผล่มา ว่าเราขยับได้ในพื้นที่ประมาณไหน ขยับไปส่วนไหนถึงจะหลุดการเชื่อมต่อ ป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายอย่างเช่นการลาก PS5 ลงไปถูพื้นเล่น เป็นต้นลองเล่น Horizon Call of the Mountain


ลองเปิดเล่น Horizon Call of the Mountain เพื่อทดลองสักหน่อย เกมก็จะให้เราเซ็ตก่อนเลยว่า ตาเราไหวประมาณไหน จะใช้ฟังก์ชัน Tracking ดวงตาหรือไม่อะไรยังไง เซ็ตเสร็จแล้วเข้าเกมต้องบอกเลยว่า “โคตรจะว้าว” ตอนแรกที่มีคนมาอยู่ข้างหน้าเรา จังหวะที่ตัวละครจะเปิดตา เรานึกว่ามีคนอยู่ข้างหน้าเราจริง ๆ ด้วยซ้ำ อลังการมากพวกการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เกมจะเริ่มจากให้เราปีนป่ายก่อน ตรงนี้เราจะต้องจับ PlayStation VR2 Sens แล้วเลื่อนมือไปปีนจริง ๆ กำกันจริง ๆ ใครเห็นสภาพข้างนอกคงน่าจะฮา คิดในใจว่าไอ้นี่มันคว้าจับอะไรของมันกลางอากาศ เมื่อผ่านจุดนั้นได้แล้ว เกมจะสอนให้เราประกอบสิ่งของการประกอบสิ่งของนี่ต้องหยิบจริง ๆ นะครับ คือต้องเอื้อมมือไปจับวัตถุดิบมาประกอบกันจริง ๆ อันไหนแปะติดกันได้ เมื่อเราหยิบมาประกอบมันจะติดกันอัตโนมัติ แต่ถ้าอันไหนต้องมีเชือกรัด ต้องมีอะไรพัน เราต้องหมุนกันเองครับ คิดสภาพสิ คนข้างนอกจะรู้สึกยังไงเวลาเห็นเราเล่นสุดยอด VR หรือไม่? คุณต้องลอง
คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ครับถ้าจะสรุปเลยว่า PlayStation VR2 คือประสบการณ์ VR ที่ดีที่สุดที่เราเคยสัมผัสมา เอาตรง ๆ ก่อนหน้านี้เราเคยเล่นแค่ VR 1 กับ Quest 2 ซึ่งสองตัวนี้ “เทียบไม่ได้” กับประสบการณ์ที่ได้รับจาก PSVR2 ตัวนี้เลย แต่เรื่องเซ็งจริง ๆ ก็มีอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะมัน “ไม่สามารถเล่นเกมของ PSVR1 ได้” ฉะนั้นใครซื้อไปแนะนำให้ซื้อเกมติดไปด้วยนะครับ รับรองว่าฟินแน่นอน
PlayStation VR2 ราคา 14,190 บาท 15,990 บาท
PlayStation VR2 Horizon Call of the Mountain ราคา 15,190 บาท 16,990 บาท
PlayStation VR2 Sense Controller Charging Station ราคา 1,699 บาท
PlayStation VR2 Stand Dual Charge ราคา 1,090 บาท
สำหรับท่านที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่
อินบ็อกซ์เพจ: m.me/happyconsole
ไลน์ไอดี: @happyconsole
เว็บไซต์: happyconsole.com
อินสตาแกรม: bit.ly/2kuFVpT
แฮปปี้คอนโซล (หน้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์) เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
แฮปปี้คอนโซล (ชั้น 3) เทอร์มินอล 21 พระราม 3
เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00 - 21.00 น.
อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับเกมส์ “คลิกที่นี่”