เอาจริง ๆ PlayStation เป็นเครื่องเกมที่ทำได้ยอดเยี่ยมด้านคอนโทรลเลอร์มาตลอด เพราะตั้งแต่ PlayStation 1 Controller มาจนถึง DualSense ทุกปีมีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ PlayStation DualSense Edge ก็คือนวัฒกรรมใหม่ที่ว่าถ้าคุณเป็นคนที่เล่นเครื่องนี้มาตั้งแต่ PS1 คุณจะรู้ว่าความรู้สึกที่คุณเปลี่ยนจากการใช้คอนโทรลเลอร์ธรรมดา มาใช้งาน Dualshock เป็นครั้งแรกมันรู้สึกแบบไหน รู้สึกอย่างไรที่ได้จับสิ่งที่เรียกว่า Analog อย่างเต็มที่บนเครื่องนี้PlayStation DualSense Edge มอบความรู้สึกให้เราอย่างไร และมันจะดีขนาดไหน ติดตามได้ในรีวิว DualSense Edge จากเรา Happyconsoleดีไซน์เรียบหรู พรีเมี่ยมทุกสัมผัส
พูดกันถึงเรื่องดีไซน์ แว๊บแรกการออกแบบของ DualSense Edge ไม่ต่างอะไรกับ DualSense รุ่นปกติเลยแม้แต่น้อย หากไม่นำมาว่างคู่กันเราคิดว่าคุณแยกไม่ออกแน่นอน แต่เมื่อมาวางคู่กัน จะเห็นว่าตัวของ D-pad และ Touchscreen Front ข้างหน้ามีสีที่แตกต่างกัน คล้าย ๆ ว่าเอา DualSense รุ่นขาวรุ่นดำมาบวกกัน ดูแล้วสวยสะดุดตา แต่ยังไม่แตกต่างจากคอนโทรลเลอร์รุ่นปกติสักเท่าไหร่ด้านล่างของ DualSense Edge จะมีคล้าย ๆ จงอยเพิ่มขึ้นมา ซึ่งตรงนี้จะเป็นปุ่มใหม่ ซึ่งใน DualSense Edge จะมีเพิ่มขึ้นมาด้วยกันทั้งหมด 4 ปุ่ม สองปุ่มจงอยที่ว่านี่ทำหน้าที่เป็นปุ่มฟังก์ชัน เอาไว้เซ็ตค่าของคอนโทรลเลอร์ ส่วนอีก 2 ปุ่มจะเป็นปุ่มที่อยู่ด้านหลัง เป็นปุ่มเพิ่มเติม RB LB ที่คุณเซ็ตค่า + ถอดเปลี่ยนได้ว่าจะเอาเป็นแบบไหน
เมื่อมาดูด้านหลังคอนโทรลเลอร์ อย่างแรกที่สังเกตได้เลยนอกจากปุ่มเพิ่มเติม นั่นก็คือตัวเลื่อนที่เอาไว้ปรับทริกเกอร์ (R2 L2) โดยเราสามารถปรับความลึกของการกดได้สามระดับ ระดับแรกคือลึกกว่าเดิม ระดับที่สองคือเท่าเดิม ระดับที่สามคือตื้นกว่าเดิม ทำให้การเล่นเกมบางประเภทได้เปรียบมากยิ่งขึ้น เช่น เราปรับทริกเกอร์ให้ตื้น เพื่อให้กระสุนลั่นไกได้ทันในเกมยิง และปรับทริกเกอร์ให้ลึก เพื่อจำลองการเหยียบคันเร่ง และเหยียบเบรกเวลาขับรถ เป็นต้นความพิเศษที่เราคิดว่า พิเศษสุด ๆ แล้วในคอนโทรลเลอร์ตัวนี้ คือเราสามารถถอดเปลี่ยน analog ได้อย่างอิสระ เมื่อเราเลื่อนปุ่ม Release ที่อยู่ด้านหลังไปมา แถบที่หุ้ม analog จะยกออก ทำให้คุณเปลี่ยน analog ได้ทันที ใครที่เจอปัญหาดริฟต์ใน Dualsense รุ่นปกติน่าจะปวดใจกันเลยทีเดียว เพราะเขาเล่นออกรุ่นใหญ่ที่จัดการปัญหานี้ง่ายกว่าปอกกล้วยเขาปากซะงั้น
อีกเรื่องที่มันไม่ได้ส่งผลอะไรมาก แต่เราคิดว่าไอเดียดี นั่นก็คือ “สายชาร์จ” เพราะสายของ DualSense Edge แม้จะเป็น USB-C แต่เป็น USB-C ที่มี “ตัวล็อค” ที่หัว เพื่อไม่ให้มันหลุดกลางคันระหว่างเล่น ไม่ว่าคุณจะยก จะสะบัดอะไรขนาดไหน ถ้าคุณล็อคไว้อยู่ มันแทบจะไม่มีทางหลุดออกมาได้เลย แต่ตรงนี้เราไม่ได้เทสต์อะไรเยอะนัก เพราะกลัวว่าถ้าเอาไปเหวี่ยงแรง ๆ เป็นบูมเมอร์แรงแล้ว คอนโทรลเลอร์จะปลิวไปกระแทกร้านเราพังเสียหายปรับแต่งง่าย ผ่านซอฟต์แวร์ติดเครื่อง

ในส่วนของซอฟต์แวร์ ต้องบอกว่าเราไม่คิดมาก่อนว่า PlayStation เขาจะใส่ใจในเรื่องนี้ด้วย (ฮา) แต่เขาก็ใส่ใจพอสมควร เพราะ DualSense Edge มีพาเนลแยกออกมาให้คุณปรับแต่งคอนโทรลเลอร์เองเลยใน PlayStation 5 เพียงกดปุ่มฟังก์ชันที่อยู่ใต้คอนโทรลเลอร์ หน้าต่างการตั้งค่าก็จะโผล่มาทันทีทันใดนอกจากการปรับปุ่ม คุณสามารถปรับเดดโซน ปรับความไว ตั้งค่าจุดสั่งทริกเกอร์ คือมันทำได้สมบูรณ์แบบมาก ๆ ในตัวเอง จนเราคิดว่า Xbox นี่น่าจะต้องคิดหนักแล้ว เพราะฟังก์ชันของ Elite ยังไม่ทันสมัยเท่านี้ได้เปรียบทุกสมรภูมิรบ เล่นท่าไหนได้หมด
เมื่อนำมาเล่นเกมจริง ๆ สัมผัสของ DualSense Edge ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมกว่าคอนโทรลเลอร์ปกติอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องงานประกอบและน้ำหนัก อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถตั้งค่าแปลก ๆ ได้หลายแบบ สมมติว่าคุณเป็นคนที่ถนัดมือซ้าย การเปลี่ยนอนาล็อกซ้ายให้เป็นเป้ายิงปืนแทนที่อนาล็อกขวา แล้วเอาอนาล็อกขวาไปเป็นปุ่มเดิน ก็สามารถทำได้ใน DualSense Edge เท่านั้น นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเอกสิทธิ์อย่างแท้จริง
แต่เมื่อพอเล่นไปนาน ๆ เรารู้สึกว่าแบตเตอรี่ของมันไม่ค่อยทนเท่าไหร่นัก อาจจะน้อยกว่ารุ่นธรรมดาด้วยซ้ำ เพราะมันใช้ได้เพียง 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเทียบกับ DualSense ธรรมดาที่เล่นได้มากกว่า 6 ชั่วโมง แปลว่าต้องมีอะไรผิดปกติกับคอนโทรลเลอร์ตัวนี้แน่ ๆซึ่งพอไปหาข้อมูลดี ๆ DualSense Edge ใช้แบตเตอรี่น้อยกว่า DualSense รุ่นปกติ ตรงนี้เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน อาจจะเพราะงานประกอบที่บังคับให้ใช้แบตเตอรี่ที่เล็กกว่า แต่ใด ๆ ก็ตาม เขาแถมสายยาวกว่า 10 เมตรมาให้แถมมีตัวล็อคอีก คิดในแง่ดีคงอยากให้เราเล่นกับสายมากกว่ามั้ง
ของดีที่คุณต้องโดน
หลังจากใช้ต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์ เราบอกได้เลยว่า DualSense Edge ยอดเยี่ยมกว่า DualSense รุ่นปกติอย่างแน่นอน และถ้าคุณเป็นผู้เล่น PS5 เราบอกเลยว่าไม่มีคอนโทรลเลอร์ตัวไหนดีเท่านี้อีกแล้ว มันอาจจะมีปัญหาด้านแบตเตอรี่อยู่บ้างแต่เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับความสามารถของมันถ้างบถึงบอกเลยต้องจัด งานนี้พลาดไม่ได้
PS5 - DualSense Edge Wireless Controller ราคา 7,790 บาท
สำหรับท่านที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่
อินบ็อกซ์เพจ: m.me/happyconsole
ไลน์ไอดี: @happyconsole
เว็บไซต์: happyconsole.com
อินสตาแกรม: bit.ly/2kuFVpT
แฮปปี้คอนโซล (หน้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์) เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
แฮปปี้คอนโซล (ชั้น 3) เทอร์มินอล 21 พระราม 3
เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00 - 21.00 น.
อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับเกมส์ “คลิกที่นี่”