Pokémon Scarlet & Violet การผจญภัยครั้งใหม่ในโลกเปิดกว้างเป็นครั้งแรกของซีรีส์

ซีรีส์ Pokémon เป็นอีกซีรีส์คู่บุญที่อยู่กับแฟนเกม และค่าย Nintendo มาอย่างยาวนาน และมีวิวัฒนาการที่อัปเกรดความสนุกและคอนเทนต์ของตัวเกมขึ้นมาเรื่อย ๆ และภาคนี้น่าจะเป็นภาคแรกที่มีวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดด จนแฟนเกมทั้งโลก และแฟนเกมโปเกมอนต้องหันมาจับตามองกันอีกครั้งในภาค Scarlet & Violet และนี่ยังคงเป็นผลงานของสตูดิโอที่อยู่กับ Nintendo และทำเกม Pokémon มาอย่างยาวนานอย่าง Game Freak เพราะงั้นก่อนจะรู้จักเกม เราไปทำความรู้จักสตูดิโอนี้กันสักเล็กน้อย

Game Freak สตูดิโอที่อยู่คู่ Nintendo และ Pokemon มาอย่างยาวนาน



Game Freak เป็นสตูดิโอพัฒนาเกมของญี่ปุ่นที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1989 ก่อนจะมาเป็นบริษัท Game Freak เคยเป็นนิตยสารเกมมาก่อน และจัดจำหน่าย ตีพิมพ์ด้วยตัวเอง ในช่วงแรก สองผู้ก่อตั้งก็เขียนบทความเอง ตีพิมพ์เองด้วยซ้ำไป และ Game Freak ก็คือนามปากกาของพวกเขาเอง แถมยังใช้ชื่อนี้เขียนบทความให้สำนักพิมพ์อิสระต่าง ๆ 

จนกระทั่งเดือนเมษายนปี 1989 พวกเขาก็ตัดสินใจตั้งบริษัทพัฒนาเกม และใช้ชื่อ Game Freak ต่อ ในช่วง 5 ปีแรกนั้น ผลงานของพวกเขาอาจจะไม่ได้เด่นมาก มีเกมอย่าง Mario & Wario ที่ไปช่วยทำให้ Nintendo บ้าง แต่แล้วเมื่อปี 1996 ที่ Pokémon Red & Green ออกวางจำหน่าย ในตอนนั้น ไม่มีใครทราบได้ว่าชื่อของ Game Freak จะอยู่คู่กับ Nintendo และ Pokémon ยาวมาจนถึงปัจจุบัน

ก่อนจะมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า Pokémon



ใครจะรู้ว่ากว่าจะออกมาเป็นเกมโปเกมอนภาคแรกนั้น ต้องใช้เวลามากถึง 6 ปี เพราะในตอนแรก ซาโตชิ ทาจิริ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Game Freak ใช้คอนเซปต์เกมเกี่ยวกับการไล่จับแมลง ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยมของเด็ก ๆ ยุคนั้นไปนำเสนอ แต่เหมือนจะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างนัก แต่คอนเซปต์นี้ก็เข้าตาชิเงรุ มิยาโมโต้ จนพวกเขาปลุกปั้นโปรเจกต์เกมนี้กันอีกนานถึง 6 ปี และช่วงท้ายของการพัฒนาที่เรียกได้ว่าไม่รู้ชะตากรรมอนาคตแล้ว เพราะพนักงานบ้างก็ลาออก แถมตัวทาจิริเองก็ไม่ได้รับเงินเดือน เรียกได้ว่าเกือบไม่ได้คลอดโปเกมอนออกมา

และไอเดียที่ทำเงินมหาศาลมาก คือในตอนนั้นเครื่องเกมพกพาอย่าง Game Boy กำลังจะวางจำหน่าย นั่นคือการแบ่งตัวเกมออกเป็นภาคย่อย เพื่อให้มีโปเกมอนที่ต่างกัน และให้นำไปแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นด้วยกันเองได้ นั่นล่ะ ซีรีส์โปเกมอนจึงมีสองภาคย่อย หนึ่งภาคหลักเสมอมาตั้งแต่ช่วงแรก

ลองเชิงความแปลกใหม่ในภาค Legends Arceus เมื่อต้นปีที่ผ่านมา



ตามปกติแล้วซีรีส์เกมโปเกมอนจะเป็นเกมในรูปแบบ Turn Based และมีมุมมองจากด้านบนตลอด ใครนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงพวกเกม JRPG ยุคเก่า อย่างพวก Final Fantasy, Dragon Quest อะไรแบบนั้น โดยมันพัฒนาขึ้นมาแค่ภาพกราฟิกและความสมจริงมากยิ่งขึ้นตามเจเนอเรชั่นของเครื่อง Nintendo ซึ่งมีการเปลี่ยนผ่านในทุก ๆ ประมาณ 4-5 ปี 

และถึงแม้ว่า Nintendo Switch จะเปิดตัวมาได้หลายปีแล้ว แต่ซีรีส์โปเกมอนก็ยังไม่ได้พัฒนาไปแบบก้าวกระโดด หรือเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปจากเดิมมากนัก จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมา กับการเปิดตัวภาคใหม่ที่มีชื่อว่า Pokémon Legends: Arceus ที่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำเอาแฟน ๆ หลายคนหันมาสนใจเกมนี้เพราะความแปลกใหม่ เพราะเป็นภาคที่ย้อนยุคไปยังยุคโบราณสมัยยังไม่มี Pokedex และเป็นภาคแรกที่พยายามจะทำเป็นแนวกึ่ง Open World อีกด้วย

เรียกได้ว่าภาคนี้ทำให้แฟน ๆ ถูกอกถูกใจและดึงดูดแฟนคลับหน้าใหม่มาสนใจเกมโปเกมอนได้มากขึ้น แน่นอนว่าเมื่อประสบความสำเร็จขนาดนี้ การสานต่อพร้อมกับยกระดับมันขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของภาคใหม่อย่าง Pokémon Scarlet & Violet

Open World แบบเต็มรูปแบบครั้งแรกของ Pokémon และยกเครื่องระบบอื่น ๆ อีกเพียบ



สิ่งแรกที่สำคัญมาก ๆ ของ Pokémon Scarlet & Violet เลยก็คือภาคนี้จะเป็นภาคแรกที่ยกระดับเป็น Open World อย่างเต็มรูปแบบ โดยเมืองต่าง ๆ จะถูกสร้างมาอย่างประณีต และผสมผสานกันอย่างลงตัว เราจะได้เห็นสภาพภูมิประเทศอันหลากหลาย ทั้งท้องฟ้า ทะเล ป่า ถนน และทั่วทุกมุมเมือง ด้วยความที่ภาคนี้เป็นเกม Open World ทำให้เราจำเป็นต้องเดินทางไปทั่วภูมิภาค ในภาคนี้สองโปเกมอนในตำนานอย่างโคไรดอน และมิไรดอนนั้น สามารถแปลงร่างเป็นยานพาหนะได้ด้วย รวมไปถึงโปเกมอนเริ่มต้นก็เป็นเจเนอเรชั่นใหม่ที่หน้าตาน่ารักอย่างมาก โดนใจแฟนเกมแน่นอน

ภาคนี้ยังมีระบบใหม่อย่างเทรัสตัล ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ของภูมิภาค Paldea ของภาคนี้ โดยมันจะผสมผสานเข้ากับการต่อสู้ ทำให้โปเกมอนของเรามีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากขึ้น และเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการต่อสู้เลยก็ว่าได้ ในการเทรัสตัลนี้ จะมีเทรัสบลาสท์ และเทรัสเบิร์ส ซึ่งถือว่าเป็นท่าใหม่ของฟีเจอร์นี้

ตัวละครหลักในภาคนี้จะแบ่งออกเป็นชายหญิงเหมือนเดิม แต่ละคนก็จะมีชุดที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นเลือกภาคใด ระหว่าง Scarlet & Violet ฟีเจอร์ถัดมาคือ Pokémon HOME ที่จะช่วยเก็บโปเกมอนทั้งหมดไว้ในที่ที่เดียว และรวมโปเกมอนของทั้งสองภาคเข้าไว้ด้วยกัน

บอกได้เลยว่านี่ถือว่าเป็นโปเกมอนภาคที่ยกระดับทุกอย่างขึ้นมาทั้งหมด แฟน ๆ โปเกมอนไม่ควรพลาด และเช่นเคย ภาคนี้หาเล่นได้เฉพาะบน Nintendo Switch เท่านั้น รอเล่นกันได้ 18 พฤศจิกายนนี้

SWITCH- Pokémon Scarlet ราคา 1,690 บาท

SWITCH- Pokémon Violet ราคา 1,690 บาท

 

SWITCH- Pokémon Scarlet and Violet Double Pack ราคา 3,390 บาท

สำหรับท่านที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่

อินบ็อกซ์เพจ: m.me/happyconsole