กลายเป็นเครื่องเกมขวัญใจมหาชนไปแล้วเรียบร้อยสำหรับ Nintendo Switch เพราะเขาทำยอดขายไปอย่างถล่มทลาย กลายเป็นเครื่องเกมที่ได้รับความนิยมมากกว่า PlayStation 5 และ Xbox Series ในชั่วโมงนี้แต่ด้วยโมเดลที่ออกมาหลายต่อหลายรุ่น นักเล่นเกมหน้าใหม่คงหาความแตกต่างได้ยาก โดยเฉพาะรุ่น Nintendo Switch V2 (กล่องแดง) และ Nintendo Switch OLED ที่มีจุดแตกต่างกันน้อยมาก ทำให้มือใหม่หลายคนสับสนว่ามันมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงแบบลับ ๆ หรือเปล่า เช่น มันแรงขึ้น ชิปตัวใหม่ขึ้น บลา ๆซึ่งทั้งหมดนี้เราบอกเลยว่า “ไม่จริงทั้งนั้น” ในรุ่นของ Nintendo Switch OLED และ Nintendo Switch V2 (กล่องแดง) แม้จะมีราคาสูงขึ้นมากว่ากันระดับหนึ่ง แต่มันมีจุดเปลี่ยนแปลงเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น ถ้าใครยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้ออะไรดี วันนี้ Happyconsole จะหยิบทั้งคู่มาดวลกัน ชี้ชัดกันไปเลยว่า โมเดลไหนเหมาะกับใคร ในบทความนี้สิ่งที่เหมือนกัน
ก่อนจะพูดถึงสิ่งที่ต่างกัน เรามาดูสิ่งที่เหมือนกันก่อน เพราะทั้งสองเครื่องนี้เป็น Nintendo Switch เหมือนกัน อุปกรณ์ส่วนใหญ่ย่อมต้องใช้ของเดิมอย่างแน่นอน โดยสิ่งที่เหมือนกันคือ
- หน่วยประมวลผลเดียวกัน คือ Nvidia Tegra X1
- แบตเตอรี่เท่ากัน
- RAM 4GB เท่ากัน
- อุปกรณ์เสริมเท่ากัน
อีกอย่างที่เท่ากันคือประสิทธิภาพ เพราะมันใช้ชิปตัวเดียวกันเป๊ะ ๆ ทำให้เป้าหมายของประสิทธิภาพเป็นแบบเดียวกัน คือ 720p60 ในโหมดถือเล่น และ 1080p60 ในโหมดเสียบด็อค ฉะนั้นอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่นจอยโปร จอยคอน ทุก ๆ อย่างที่ใช้งานได้ในเครื่องไหน จะใช้งานได้ในอีกเครื่องเสมอ เอาง่าย ๆ มันคือเครื่องเดียวกันนี่ล่ะสิ่งที่ต่างกัน



แล้วอะไรที่แตกต่าง? อย่างที่บอกว่า OLED เป็นเครื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเครื่อง V2 (กล่องแดง) ศูนย์รวมของการเปลี่ยนแปลงคือ “ต้องการอัพเดตให้ทันสมัย และแก้ไขเรื่อง UX ที่ผิดพลาด” ทำให้เครื่องที่ออกจะใช้งานง่ายกว่า และแก้ไขปัญหาทางกายภาพของรุ่นเก่าไปได้เกือบทั้งหมด รวม ๆ แล้วความแตกต่างจะมีดังนี้
- OLED เครื่องมีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย คือ 102 x 242 x 13.9 มม. เมื่อเสียบจอยคอน
- มีน้ำหนักมากกว่านิดหน่อย คือ 320 กรัม และ 420 กรัม เมื่อเสียบจอยคอน
- มีพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น จาก 32GB เป็น 64GB
- มีการเปลี่ยนจอแสดงผลจาก LCD 6.2 นิ้ว เป็น OLED 7 นิ้ว
- ขาตั้งจอในตัวที่ใหญ่ขึ้น จากเดิมกว้าง 10 มิลลิเมตร กลายเป็นขนาดใหญ่เท่าจอ
- ลำโพงให้มิติเสียงดีขึ้นเล็กน้อย
- Dock มีช่องเสียบสายแลน แถมยังมีสีขาวแตกต่างจากรุ่นปกติ
เห็นได้ชัดว่ามีการปรับปรุงแทบจะทั้งหมด แต่ส่วนที่น่าสนใจจริง ๆ มีเพียงไม่กี่ข้อเท่านั้น ซึ่งเราจะโฟกัสไปที่การเปลี่ยนจอเป็น OLED เพราะนี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้รุ่นนี้น่าสนใจสำหรับใครที่ไม่รู้ว่า OLED คืออะไร OLED คือเทคโนโลยีจอภาพที่ทุกพิกเซลสามารถเรืองแสงได้เองโดยไม่จำเป็นจะต้องใช้ไฟ Backlight เหมือนพวกจอ LED หรือ LCD ส่งผลให้ใช้พื้นที่น้อยลง มีขอบเขตสีที่กว้างขึ้น ทำให้สีสด อีกทั้งยังไร้ปัญหาพวกสีเพี้ยน และสีดำไม่สนิท เพราะ OLED สามารถสั่งปิดพิกเซลใดพิกเซลหนึ่งไปได้ ทำให้สีดำที่เราเห็นจากจอนั้น ดำสนิทจริง ๆ (เพราะมันปิดการทำงานของเซลล์นั้นไปเลย)ราคา

ดูคุณสมบัติ และความแตกต่างของแต่ละรุ่นแล้ว คราวนี้มาดูราคากันบ้าง แม้จะมีความแตกต่างกันไม่ค่อยเยอะในเรื่องของการเล่นเกม แต่ราคาของทั้งสองตัวนั้นค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร เนื่องจาก OLED ถือเป็นเทคโนโลยีที่ยังมีราคาแพงอยู่ในตอนนี้
-
Nintendo Switch V2 (กล่องแดง) ราคา 7,990 บาท
-
Nintendo Switch OLED ราคา 10,990 บาท
*ราคา ณ เดือนสิงหาคม 2565จะเห็นว่าทั้งสองโมเดลมีราคาต่างกันชัดเจน คือ 3,000 บาท ถ้าให้เทียบง่าย ๆ คุณสามารถเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อเกมเพิ่มได้เลย ถ้าไม่ติดใจอะไรกับความเป็น OLED แต่ถ้าคุณยังรู้สึกตัดสินใจไม่ได้ งั้นเดี๋ยวเราจะแนะนำให้
ทั้งสองเครื่องเหมาะกับใคร
มาถึงช่วงเวลาสำคัญของการเลือกแล้วว่าจะเอาตัว V2 (กล่องแดง) หรือ OLED ดี ตรงนี้เราขอแยกกลุ่มผู้ใช้งานออกเป็นสองแบบ คือ กลุ่มคนที่เล่นติดบ้าน และกลุ่มคนที่อยากถือเล่นข้างนอกสำหรับกลุ่มคนที่อยากถือเล่นข้างนอก OLED ถือเป็นโมเดลในฝันจริง ๆ เพราะจอ OLED แบบมือถือใคร ๆ ก็อยากได้ เนื่องจากสีที่สด ให้อรรถรสในการเล่น แม้ภาพในเกมจะห่วยขนาดไหน แต่ถ้าจอดีก็จะเพิ่มความสวยให้กับเกมได้แต่ OLED นั้นจะได้ประโยชน์แค่ช่วงเวลาที่คุณถือเล่นเท่านั้น เมื่อต่อกับทีวี จอแสดงผลก็จะเปลี่ยนไปใช้ทีวีของคุณ อีกทั้งในเรื่องขนาดที่เทอะทะกว่าเก่า น้ำหนักเพิ่มไปจากเดิม ทำให้การพกพาน่าจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น ยังไม่รวมปัญหาเรื่องจอเบิร์น หรือ Green tint อีก ซึ่งตรงนี้อยากให้คุณชั่งน้ำหนักให้ดีว่า จะยอมจ่ายเพิ่ม 3,000 บาท เพื่อจอ OLED เพียงอย่างเดียวหรือเปล่า
สำหรับกลุ่มคนเล่นติดบ้าน V2 (กล่องแดง) น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เนื่องจาก Dock ที่ให้มา ก็ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่แล้ว และเมื่อบวกกับความจริงที่ว่า ประสิทธิภาพของทั้งสองรุ่นเท่ากัน ทำให้รุ่นนี้ค่อนข้างตอบโจทย์ทีเดียว เมื่อพูดถึงการต่อ Dock เล่นตลอดเวลาการถือออกไปเล่นด้านนอกก็ไม่ใช่เรื่องแย่ จอ LCD ยังคงใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่การเก็บรายละเอียดต่าง ๆ อาจทำได้ไม่ดีเท่า OLED อันนี้ก็ต้องลองชั่งน้ำหนักดูว่าจะจบแค่ 7,990 บาท แล้วเอาเงินไปทำอย่างอื่นต่อ หรือจะจ่าย 10,990 บาท ให้มันจบ ๆ เอาครบไปเลย
สรุป
ทั้งสองโมเดลนั้นเรียกได้ว่ามีข้อดีข้อเสียในตัวมันเองอย่างชัดเจน OLED แม้จะเป็นจอในฝันของใครหลายคน แต่ประโยชน์ที่ได้นั้น คุณจะได้ในโหมดถือเล่นเท่านั้น ส่วน V2 (กล่องแดง) ก็ยังมี UX ที่แปลก ๆ อย่างเช่นขาตั้งขนาด 10 มิลลิเมตรที่จะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่อยู่ อย่างที่บอก เราอยากให้คุณตัดสินใจจากความถนัดของคุณ ถ้าเป็นสายถือเล่น เราแนะนำว่าถ้าเอาจบจริง ๆ ก็คงต้อง OLED แต่ถ้าเป็นสายอยู่บ้าน เล่นกับทีวี เราคิดว่า V2 (กล่องแดง) เหมาะกับคุณที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันคือการตัดสินใจของคุณเอง ถ้าตัดสินใจได้แล้ว อย่าลืม! Inbox มาสั่งซื้อกับเราในราคาพิเศษ ที่ Happyconsole เท่านั้น