หลังจากวิบากกรรมของภาค 5 ทำเอาแฟน ๆ หลายคนปวดใจที่ซีรีส์ Battlefield นั้นถูกสาปแช่งจากเหล่าแฟน ๆ แต่ก็ยังมีคนเล่นอยู่ ห่างหายไปนานถึง 3 ปีเต็ม Battlefield กลับมาอีกครั้ง พร้อมสมรภูมิและสเกลสงครามที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งไหน ๆ และรอให้แฟน ๆ เข้าไปสัมผัสด้วยตัวเองใน Batlefield 2042Battlefield 2042 เรียกได้ว่าน่าจะเป็นผลงานที่ทาง EA หมายมั่นปั้นมือว่ามันจะต้องกลับมาทวงบัลลังก์เกม FPS Multiplayer แบบ Full Scale ในแบบที่พวกเขาเคยทำได้ ภาคนี้จึงเป็นการดึงเอาสตูดิโอแทบจะทั้งหมดภายใต้ชายคาของ EA มาช่วยกันพัฒนา โดยทีมพัฒนาหลักยังคงเป็น DICE เจ้าเก่า แต่คราวนี้ EA ต้องยืมมือหลากหลายสตูดิโอในเครือเข้ามาช่วย โดยดึงเอา Criterion มาช่วยด้วย โดยปกติแล้วทีมนี้จะทำเกม Need For Speed แต่คราวนี้ได้เข้ามาช่วย DICE ทำตัวเกมภาคนี้ เป็นสาเหตุทำให้ปีนี้ Need For Speed ไม่มีภาคใหม่นอกจากนั้นยังมี EA Gothenburg สตูดิโอย่อยเข้ามาช่วยจัดการ และสตูดิโอ Ripple Effect ที่เป็นสตูดิโอลูกของ DICE สาขา Los Angeles เข้ามาเสริมทัพ เป็นการรับประกันได้ว่า ภาคนี้ EA เอาจริงอย่างมากกับตัวเกมภาคนี้สัมผัสความเข้มข้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไร้เนื้อเรื่องแต่ขลัง
สำหรับ Battlefield 2042 นี้ จะไม่มีแคมเปญสำหรับการเล่นคนเดียว ไม่มีโหมดเนื้อเรื่อง จัดเต็มกับโหมดออนไลน์ล้วน ๆ แทน เนื้อเรื่องและเรื่องราวของเกม จะถูกเล่าผ่านการเล่นเกมแบบ Multiplayer แทน ใครนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึง Apex Legends ที่ในแต่ละซีซั่นจะมาพร้อมตัวละครใหม่ แผนที่ใหม่ และมีเนื้อเรื่องหรือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาให้เราเชื่อมเนื้อหา และปะติดปะต่อเรื่องราวกันเอาเอง และใครที่อยากอินมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ทาง EA ได้ปล่อยหนังสั้นแบบ Standalone ในชื่อ Battlefield 2042: Exodus ออกมา ซึ่งหนังสั้นตัวนี้จะเป็ฯการปูพื้นไปสู่เหตุการณ์ของสงครามโลกในปี 2042 และเป็นการกลับมาของ Irish ในตัวเกมภาค 4 อีกด้วยสงครามขนาดใหญ่ในตำนานที่คุณคุ้นเคย
ฟีเจอร์เด่นของเกมนี้คือสเกลสงครามขนาดใหญ่ และไม่ใช่แค่ฉากขนาดใหญ่เท่านั้น แต่อุปสรรคอื่น ๆ ภายในเกมจะถูกเสริมเข้ามาด้วย นั่นคือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นพายุหิมะ หรือพายุฝนฟ้าคะนองที่ในเกมจะสุ่มทำให้มันเกิดขึ้น และกลายเป็นปัญหาใหญ่ให้กับผู้เล่นทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงยังมีเนื้อเรื่องเสริมเช่น ดาวเทียมกว่า 70% เกิดปัญหาจนตกลงมาที่โลก ทำให้ไฟดับทั่วโลก และเกิดความตึงเครียดระหว่างสงครามสหรัฐและรัสเซีย อันเป็นเนื้อหาเสริมที่จะปูทางไปสู่ฉากบางฉากในเกมสำหรับเกมเพลย์นั้น ยังคงนำเสนอเกมการเล่นแบบเกม ที่เน้นระบบ Multiplayer และมีฉากหลังเป็นโลกอนาคตอันใกล้ (2042) ดังนั้นอาวุธและอุปกรณ์จึงเป็นของล้ำยุคในอนาคตข้างหน้า แต่ยังพอจับต้องและนึกภาพออกได้ เช่นป้อมปืน โดรน รวมไปถึงยานพาหนะต่าง ๆ ฟีเจอร์เด่นของภาคนี้คือระบบ Plus ที่จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งอาวุธของตัวเองได้ทันทีระหว่างการเล่น ไม่จำเป็นต้องรอออกเกมเข้าใหม่ ผู้เล่นจะมีกระสุนหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ทั้งกระสุนสำหรับยิงคน กระสุนยิงอากาศยานหรือยานพาหนะที่ทำดาเมจได้สูงแต่ยิงได้ช้า เป็นต้น และยังคงเป็นการกลับมาของ 4 คลาสเบื้องต้นที่แฟน ๆ Battlefield รู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็น Assault, Engineer, Medic, Recon และแต่ละคลาสคราวนี้จะมีตัวละครประจำคลาสของตัวเองอีกด้วย โดยเกมจะเริ่มต้นด้วยเจ้าหน้าที่ที่ต่างกันมากถึง 10 คน เพียบพร้อมด้วยโหมดการเล่นสุดสร้างสรรค์ และคลาสสิก
ด้านเกมการเล่นก็หายห่วงได้ เพราะโหมดที่แฟน ๆ ชื่นชอบไม่ว่าจะเป็น Conquest, Breakthrouh ก็กลับมาทั้งหมด รวมไปถึงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ การเล่นครอสแพลตฟอร์มกันจึงไม่ใช่ปัญหา แต่อาจจะแตกต่างกันที่จำนวนคนเล่น และแต่ละโหมดจะเกิดสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการเล่นเกมโดยตรง แต่จะมากน้อยแค่ไหน ผู้เล่นต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง
นอกจากสองโหมดนี้ ยังมีการเปิดตัวโหมดใหม่อย่าง Hazard Zone ที่เราจะต้องเลือกตัวละครไม่ซ้ำกัน จากนั้นทำการแย่งขิง Data Drive ในแผนที่โดยใช้เวลาในการเล่นเพยีงรอบละ 5-20 นาที และโหมด Portal ที่จะเป็นการดึงเอาคอนเทนต์จาก Battlefield ภาคเก่า ๆ ทั้งตัวละคร ฉาก แผนที่ มาไว้ให้เราได้เล่นกัน โดยผู้เล่นเลือกจัดการได้ตามใจชอบ
อาจกล่าวได้ว่า Battlefield กลับมาแล้ว และกลับมาอย่างยิ่งใหญ่หลังหายไปถึง 3 ปีเต็ม ใครที่พร้อมร่วมสมรภูมิสุดเดือดในเกมนี้ ก็ทัก Inbox เรามาได้เลย เพราะเรามีแผ่น Battlefield 2042 เตรียมไว้สำหรับนักรบทุกคน!
ราคา
PlayStation 5 - Battlefield 2042 ราคา 1,890 บาท
PlayStation 4 - Battlefield 2042 ราคา 2,290 บาท