เรียกได้ว่ามาตามนัดจริง ๆ สำหรับเครื่องระดับ Limited Edition ของ Nintendo Switch อย่าง Nintendo Switch – Mario Red & Blue Edition โดยครั้งนี้ถือว่าพ่วงมากับเกมคุณภาพที่เคยเปิดตัวไปแล้วบน Wii U แต่นำกลับมารีมาสเตอร์ใหม่ในชื่อ Super Mario 3D world พร้อมมีการเพิ่ม DLC ใหม่เข้าไปให้แฟน ๆ มาริโอ้ใจชื้นกันเสียหน่อย ใครที่รอเล่น Bowser's Fury อ่านบทความนี้ให้ดี ! เพราะเราจะมาพรีวิวเครื่องลวดลายพิเศษเครื่องนี้ ไปพร้อม ๆ กับตัวเกม ว่าจะน่าซื้อหามาหยิบจับ ซื้อหามาเล่นขนาดไหน
มาดูกันด้วยตัวเครื่องกันก่อน เนื่องจาก ณ ปัจจุบัน Nintendo Switch เปลี่ยนทุกอย่างเป็นรุ่นกล่องแดง (อย่างที่คนไทยเรียกกัน) หมดแล้ว Nintendo Switch – Mario Red & Blue Edition เลยมาพร้อมกับกล่องสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ เข้ากับความเป็น Mario พอดิบพอดีอย่างกับคิดมาแล้ว ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้
แกะกล่องออกมาก็พบกับตัวเครื่อง + Dock + Joy-Con + Grip + กระเป๋าลายพิเศษ ซึ่งแต่ละอย่างมีทั้งสีสันและลวดลายเต็มไปหมด เริ่มจากตัวเครื่องที่มีสีแดงล้อมกรอบ ถือไปไหนใครก็รู้เลยว่าเป็นเครื่องรุ่นลิมิเต็ด แม้จะใช้จอยคอนลายอื่นก็ตาม, ด็อกสีแดงสด, กริปสีน้ำเงินตัดกับสีแดงของจอยคอนได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนกระเป๋าก็สกรีนลายเกี่ยวกับมาริโอ้ไว้อย่างสวยงาม แถมมีการเล่นสีตัดกันไปมาระหว่างแดง น้ำเงิน เหลือง อีกด้วย
ครั้งนี้น่าจะค่อนข้างพิเศษมาก ๆ เพราะอุปกรณ์ข้างในทุกอย่างเปลี่ยนไปแทบทั้งนั้น แต่ราคาค่าตัวถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพียง 299.99 เหรียญฯ เท่านั้น เรียกได้ว่าเท่าเครื่องปกติเลยด้วยซ้ำ ใครที่กำลังคิดว่าจะหา Super Mario 3D world มาเล่น ลองหาเครื่องชุดนี้มาเสริมดู น่าจะฟินกว่าเดิมหลายเท่า
สรุปอุปกรณ์ในเซ็ต
- เครื่อง Nintendo Switch รอบเครื่องสีแดงมาริโอ้
- Dock สำหรับต่อเข้า TV สีแดง
- Joy-Con (L/R) สีแดง
- Straps สีน้ำเงิน สายคล้องข้อมือสีแดง มีปุ่มเป็นสีเหลืองมาตัดเล็กน้อย
- กระเป๋าลายพิเศษ
- ฟิล์มกันรอย
- Adapter ชาร์จไฟ
รายละเอียดเกม Super Mario 3D World + Bowser's Fury
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นนะครับ หลายคนอาจจะคุ้นหูกันอยู่แล้วกับชื่อ Super Mario 3D World เพราะมันเป็นเกมที่เคยวางจำหน่ายมาก่อนในเครื่อง Wii U เครื่องที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นักของ Nintendo และเหมือนว่าปูนินจะไม่อยากให้ของดีต้องเสียเปล่า ก็เลยตัดสินใจเอาเกมนี้มาลง Nintendo Switch ด้วย เหมือนเกมหลาย ๆ เกมก่อนหน้าที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว เนื่องจากคุณภาพเกมที่ยอดเยี่ยมนั่นเอง
สำหรับตัวเกมออริจินัล วางจำหน่ายเมื่อปี 2013 เป็นเรื่องราวของมาริโอ้ ช่างประปาแห่งดินแดนเห็ดเจ้าเก่าเจ้าเดิม โดยรอบนี้ เขาและเพื่อน ๆ รวมถึงเจ้าหญิงพีช นั่งชมดอกไม้ไฟบนปราสาทกันอยู่ ก่อนจะไปพบกับท่อระบายน้ำที่ชำรุด ด้วยอาชีพเกียรติของอาชีพที่รัดตัว มาริโอ้เลยจัดการซ่อมท่อน้ำเสีย ปรากฏว่าเจ้าหญิงนาม “สไปซี่” โผล่มาจากท่อเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ทันไรก็โดนคุปป้าจับตัวไปเสียก่อน งานนี้ถึงเวลาแล้วที่มาริโอ้จะต้องบุกป่าฝ่าดงอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือเจ้าหญิงองค์ต่าง ๆ จากเงื้อมมือคุปป้าให้จงได้
สำหรับระบบการเล่นในภาคนี้ ยังคงเป็นแพลตฟอร์มเมอร์เหมือนเช่นเคย แต่เปลี่ยนจากการเล่นแบบ 2D เป็น 3D ที่คุณจะเถลไถลไปที่ไหนในฉากก็ได้ แต่มีเส้นชัยจุดเดียวกับมาริโอ้หลาย ๆ ภาคคือการไปแตะที่เสา โดยในภาคนี้คุณควบคุมตัวละครได้หลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Mario, Luigi, Princess Peach, Toad และ Rosalina ที่คุณปลดล็อคได้ในภายหลัง ซึ่งแต่ละตัวมีลักษณะพิเศษ ข้อดี ข้อด้อย ที่ไม่เหมือนกัน
ด่านในเกมจะใช้ระบบที่เรียกว่า World ให้คุณลุยต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อช่วยเหลือเจ้าหญิงของแต่ละโลกที่คุปป้าจับตัวไป ในแต่ละด่านจะประกอบด้วยดาวเขียว 3 ดวงซึ่งสำคัญมาก เพราะเราจะใช้ดาวพวกนี้ในการปลดล็อคด่านใหม่ ๆ
และสำหรับเนื้อหาใหม่แบบพิเศษที่ทำมาเพื่อ Nintendo Switch โดยเฉพาะอย่าง Bowser's Fury จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคุปป้าที่ได้พลังพิเศษแบบใหม่มา ทำให้เขากลายเป็นบอสสุดโหด งานนี้โหดถึงขนาดว่าคุปป้าจูเนียร์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ต้องมาร่วมมือกับมาริโอ้ เพื่อโค่นพ่อตัวเองลงก่อนที่อะไร ๆ จะแย่ไปกว่านี้
“Super Mario 3D World + Bowser's Fury จะวางจำหน่ายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ ใครที่เป็นสาวกลุงมาริโอ้ก็ล้างคอรอไว้เลย”
ราคา
Nintendo Switch – Mario Red & Blue Edition ราคา 11,490 บาท
Super Mario 3D World + Bowser's Fury ราคา 1,790 บาท
สำหรับท่านที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่
อินบ็อกซ์เพจ: m.me/happyconsole
ไลน์ไอดี: @happyconsole
เว็บไซต์: happyconsole.com
อินสตาแกรม: bit.ly/2kuFVpT
แฮปปี้คอนโซล ริมถนนพระราม 3 ระหว่างซอย 36-34
แผนที่ร้าน: bit.ly/2m1Am2D
กูเกิลแมพนำทาง ค้นหา: happyconsole
โทร: 085-9821509
อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับเกมส์ “คลิกที่นี่”